“สมยศ” ตั้งโต๊ะแถลงจับกุมแก๊งล้มบอล

2017-11-21 16:45:27

“สมยศ” ตั้งโต๊ะแถลงจับกุมแก๊งล้มบอล

Advertisement

นายกสมาคมฟุตบอลควง ผบ.ตร.ตั้งโต๊ะแถลงข่าวจับกุม ขบวนการล้มบอล ล็อกสกอร์ล่วงหน้า จับแล้ว 12 ราย


พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคม ฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ร่วมกัน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดโปง ขบวนล้มบอล ด้วยการล็อกสกอร์ล่วงหน้าหลังตรวจสอบพบว่าการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุด “โตโยต้าไทยลีก 2017” จำนวน 4 นัด เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับการล้มบอล และมีจำนวนประตูที่เกิดขึ้นมากจนผิดปกติ ล็อตแรกมีผู้เกี่ยวข้อง 12 คนซึ่งศาลอาญา ออกหมายจับและถูกควบคุมตัวแล้ว ประกอบด้วยนายทุน นักฟุตบอล กรรมการ และผู้บริหารทีม และหลังจากจะมาขยายผลเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการอื่นๆ

เหตุผลล็อกสกอร์ ล้มบอลเพราะเป็นกลุ่มนายทุนหวังผลชนะพนันบอล ทั้งนี้ จะสอบสวนขยายผลสาวหาผู้บงการ มาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับโทษของการกระทำความผิด ล็อกผลบอล ตาม พ.ร.บ.กีฬาอาชีพ ฉบับปี 2556 โทษสูงสุดคือ จำคุกตั้งแต่ 5 ปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาท ถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

โดยพ.ร.บ.กีฬาอาชีพ ฉบับปี 2556 ที่ว่าด้วยการกระทำผิดส่วนดังกล่าวนั้นอยู่ในส่วนที่ 2 โทษอาญา ซึ่งประกอบด้วย

มาตรา 64 ผู้ใดให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทําการล้มกีฬา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ



มาตรา 65 ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้มีการกระทําการล้มกีฬา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

มาตรา 66 ผู้ใดให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทําหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขัน หรือทําหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ



มาตรา 67 ผู้ตัดสินใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อทําหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทําหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 300,000-600,000 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

โดย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวถึงการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า "การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 12 คน นั้น ถือเป็นการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เรามีข้อมูลการจับกุมผู้ต้องหา หากหลักฐานไม่เพียงพอ เราก็ไม่สามารถให้ศาลออกหมายจับได้ เมื่อศาลพิจารณาแล้วพบว่าพยานหลักฐานมีอยู่นั้นเพียงพอต่อการออกหมายจับจึงได้มีอนุมัติออกหมายจับ”

“ส่วนกระบวนการสืบสวนต่างๆ ผมขอไม่พูดตรงนี้ อย่างที่ท่าน ผบ.ตร. บอก เพราะอาจทำให้ผู้ต้องหานำไปสู้คดีได้ แต่ผมยืนยันว่าข้อมูลหลักฐานที่ตำรวจมี ผู้ต้องหาไม่สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหาได้แน่นอน เพราะมันบ่งบอกชัดเจนของการทำงานของขบวนการเหล่านี้”

นายกสมาคมฯ ได้ตอบข้อสักถามของสื่อมวลชนว่า การจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวกับผลการล็อคผลฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก ครั้งนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านนายกหรือไม่ นายกสมาคมฯ กล่าวว่า "ผมถือว่าการงานนี่ถือเป็นหน้าที่ของผมมากว่า เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีคนมาฟ้องว่ามันมีการล็อคผลบอลหรือมีการว่าจ้างให้มีการล้มบอลเกิดขึ้น เพื่อเป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจในวงการฟุตบอลในอดีต โดยมีการข่มขู่, ขอร้อง หรือเสนอแนะผลประโยชน์ให้ ผมต้องพิสูจน์ว่าเรื่องราวเหล่านี้ เพื่อนำมาตีแผ่และพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น และทำให้วงการฟุตบอลดีขึ้น ได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดมันเป็นหน้าที่โดยตรงของผม"



"ส่วนผู้ต้องหาที่มีการประกันตัวไปนั้น เนื่องจากว่ามันมีหลักการพิจารณาเห็นว่าผู้ต้องหาไม่สามารถหลบหนีคดีหรือข่มขู่ รวมทั้งสร้างปัญหากับพยานหลักฐานหรือพยานบุคคลได้ ซึ่งผู้ต้องหาต้องมารายงานตัวและมาให้ปากคำตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย ซึ่งผู้ต้องหาทุกคนจะไม่สามารถมาทำหน้าที่ในวงการฟุตบอลได้อีก จนกว่าคดีจะสิ้นสุด"

"ส่วนคนที่ทำแบบนี้ผมคิดว่า อยู่ความโลภของคน เพราะเราไม่สามารถไปกำหนดเพดานค่าเหนื่อยหรือค่าจ้างให้กับนักเตะได้ นักเตะที่เก่งระดับทีมชาติก็ต้องได้เงินค่าจ้างที่แพงอยู่แล้ว ส่วนนักเตะระดับที่รองลงมาก็ต้องได้ค่าเหนื่อยตามความเหมาะสม เนื่องจากมันเป็นเรื่องของธุรกิจ ขณะที่ผู้ตัดสินนั้นตอนผมเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ๆ ผมได้เรียกทุกคนเข้ามาสอบถามว่าทำไมมันมีข่าวการล็อคผลบอล ซึ่งบางคนได้เผยว่าค่าจ้างที่เขาควรจะได้มีการเบิกจ่ายช้าและไม่ตรงเวลา หรือให้ไม่ครบจำนวน”

"หากเปรียบคดีนี้เหมือนมวย นี่เพียงแค่การชกแค่ยกแรกเท่านั้น เราจะพยายามสืบสวนหาหลักฐาน และดำเนินการขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดสิ้นให้ได้"

ด้าน นายตวง อันทะไชย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สนช. เผยถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในกรรมาธิการฯ ต้องดูว่า 23 พ.ย.นี้ ที่ประชุมจะมีการพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่ ทั้งนี้ การล้มบอลนั้นเป็นการบอนไซวงการกีฬา แทนที่จะเดินหน้าต่ออาจกลับต้องหยุดอยู่กับที่ จะเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาพูดคุย เพื่อหาแนวทางแก้ไขและดำเนินการต่อไป