รู้จัก "สถาบันคชบาลแห่งชาติ" ที่รักษา "พลายชมพู"

2017-10-20 18:40:10

รู้จัก "สถาบันคชบาลแห่งชาติ" ที่รักษา "พลายชมพู"

Advertisement

หลังจากที่เป็นข่าวใหญ่ประเด็นร้อนมาหลายวัน สำหรับกรณีของ “เจ้าพลายชมพู” ช้างสีดอ เพศผู้ที่มีอาการบาดเจ็บระหว่างถูกน้ำป่าพัดพามาในคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ,พิษณุโลก ซึ่ง นิว 18 ได้ติดตรานำเสนออย่างใกล้ชิดมาตลอดนั้น ล่าสุดได้ส่ง “เจ้าพลายชมพู” ถึงสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดลำปางเพื่อทำการรักษาตัวแล้ว



ระหว่างที่ต้องรอผลการรักษากัน นิว 18 ก็ขอไขข้อมูลหนึ่งซึ่งหลายคนคงสงสัยกันว่า “สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ” นั้นคืออะไร เพราะเหตุใดถึงต้องขน “เจ้าพลายชมพู” ข้ามน้ำข้ามเขาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมงเพื่อไปรับการรักษาด้วยทีมสัตวแพทย์กันถึงที่นี่



“สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ” มีจุดเริ่มต้นในปี 2534 เมื่อองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ได้จัดตั้งศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยขึ้น เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ ในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ โดยได้ย้ายศูนย์ฝึกช้างจากอ.งาว มาเป็น ระหว่าง กม. 28-29 ถ.ลำปาง-เชียงใหม่ ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เนื่องจากมีสถานที่กว้างขวาง เหมาะกับการอาศัยของช้าง ทั้งยังสามารถขยายขอบเขตการอนุรักษ์และบริบาลช้างไทยให้ครอบคลุมทุกแง่มุม และเกิดการอนุรักษ์ช้างไทยอย่างยั่งยืน จนเกิดเป็น “ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นสถานที่ดูแลช้างต้นหรือช้างสำคัญของพระมหากษัตริย์ถึง 6 ช้างในพื้นที่ของโรงช้างต้น





จวบจนวันที่ 22 ก.พ. 2545 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนคราธิวาส ราชนครินทร์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับ “ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” เป็น “สถาบันคชาบาลในพระอุปถัมภ์” จวบจนถึงปัจจุบัน และเป็นปางช้างแห่งเดียวในประเทศไทยที่เป็นของรัฐบาล
ภายในสถาบัน มีการดูแลศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับช้าง รวมถึงการบริการนักท่องเที่ยว ทั้งการแสดงช้าง ที่พักโฮมสเตย์ กระบวนการผลิตกระดษมูลช้าง โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพของมูลช้าง ปัจจุบันได้ร่วมมือกับองค์กรอื่นๆของรัฐและเอกชน ในการช่วยเหลือช้างของประเทศมากกว่า 2,700 เชือก






ด้านการอนุรักษ์ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้ก่อตั้งโรงพยาบาลช้างและโครงการสัตวแพทย์สัญจรซึ่งถือว่า เป็นแห่งแรกของประเทศไทยโดยทำการรักษาช้างเอกชนทุกเชือกโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ โดยโรงพยาบาลช้างก็คือสถานที่รักษา “เจ้าพลายชมพู” นั่นเอง







สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางมาเยี่ยมช้าง หรือชมกิจกรรมต่างๆ สามารถเดินทางมาได้ โดยมีค่าบัตรผ่านประตูเพียง 100 บาทสำหรับผู้ใหญ่คนไทย และ 50 บาทสำหรับเด็ก