เปิดเส้นทางละเอียดยิบ พ.ต.อ.พา "ยิ่งลักษณ์"หนี

2017-09-23 10:30:50

เปิดเส้นทางละเอียดยิบ พ.ต.อ.พา "ยิ่งลักษณ์"หนี

Advertisement

เปิดผลสอบปากคำ “พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์” พา “ยิ่งลักษณ์”หลบหนี ให้การละเอียดยิบมีรถเบนซ์ดำขับมาส่งอดีตนายกฯ-เลขาฯสาวสวมแมสดำ หมวกแก๊ปอำพราง ก่อนสับเปลี่ยนขึ้นรถแคมรี่ในหมู่บ้านหรูย่านวัชรพล มุ่งหน้าฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ จากนั้นมีรถกระบะ 4 ประตูมารับไปต่อ เผยหลังเสร็จภารกิจส่งรถให้ ด.ต.นำไปทำลายหลักฐาน โดยมี พ.ต.ท.มารับรถแต่สุดท้ายโดนรวบก่อน

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 บช.ปส. ได้รายงานการซักถามผู้เกี่ยวข้องกรณีการพา น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี ต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาได้ร่วมกับ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย หน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ซักถามบุคคลที่เกี่ยวข้องในการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี 4 ปาก ดังนี้ 1.พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.เวลาประมาณ 18.20 น. ได้ขับรถเก๋งสายตรวจยี่ห้อโตโยต้าอัลติส สีบรอนเทา หมายเลขโล่ 09807 ไปจอดรอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริเวณลานจอดรถห้างโลตัส สาขาวัชรพล จากนั้นประมาณ 5 นาที ได้มีรถเบนซ์สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และไม่ทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าวมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่ด้วย

จากนั้นรถเบนซ์ได้ขับออกไปมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล จึงได้ขับตามไป และรถเบนซ์ได้เข้าไปทางป้อมยามของหมู่บ้าน เข้าไปในซอย 23 ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จอดรถรถหน้าปากซอย ต่อมาประมาณ 2 นาที มีรถยนต์เก่งโตโยต้ารุ่นแคมรี่ สีบรอนเทา มีซันรูบ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ณย 2123 กรุงเทพมหานคร ขับมาและขับนำรถยนต์ของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ โดย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับตามและทราบว่ารถยนต์โตโยต้ารุ่นแคมรี่คันดังกล่าวมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งมา โดยเป็นการเปลี่ยนรถยนต์นั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนถึงซอย 38 รถแคมรี่ได้ขับเข้าไปยังบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จากนั้น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถแคมรี่ ซึ่งในรถมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ เป็นผู้หญิงอีก 1 คน นั่งอยู่ โดยทั้ง 2 คนใช้หน้ากากอนามัยสีดำปิดปากและจมูกไว้ และสวมหมวกแก๊ปสีเข้มไว้ทั้ง 2 คน มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านราชพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปที่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้า จ.ฉะเชิงเทรา เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.พนมสารคาม เมื่อถึง ต.เขาหินซ้อน ได้เลี้ยวขวา มุ่งหน้า จ.สระแก้ว




พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถมุ่งหน้า อ.อรัญประเทศ เมื่อถึงตัว อ.อรัญประเทศ เวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค.จากนั้นได้ขับไปยังถนนสุวรรณศร เพื่อไปที่นัดหมายโดยมีรถมารอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศประมาณ 1 กม.เศษ ซึ่งไม่มีไฟส่องสว่าง

พอไปถึง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เห็นรถยนต์กระบะสี่ประตู สีทึบ โดยไม่ทันสังเกตยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียนจอดอยู่ มีชายสูงประมาณ 180 ซม.มองเห็นหน้าไม่ชัดว่าเป็นชายไทยหรือไม่ รถคันดังกล่าวได้เปิดไฟกระพริบไว้ ซึ่ง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้จอดรถคันที่ขับมาต่อทาย จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินมารับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯไปขึ้นรถคันดังกล่าวและขับออกไป ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถต่อไป อีก 500 เมตร จึงแวะจอดข้างทางเพื่อนอนพักชั่วคราว โดยตื่นมาเวลาประมาณตี 2 วันที่ 24 ส.ค.จึงได้ขับรถกลับ กทม. ถึงบ้านพักหมู่บ้านชัยพฤกษ์ประมาณ 6 โมงเช้า และได้จอดรถคันดังกล่าวไว้ที่บ้าน จนเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ได้ขับรถคันดังกล่าวโดยเปลี่ยนทะเบียนเป็น ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร แล้วนำแผ่นป้ายทะเบียนเดิมห่อหนังสือพิมพ์ไปซุกซ่อนที่บริเวณเก็บยางอะไหล่ภายในกระโปรงท้ายรถ แล้วนำไปให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ที่ จ.นครปฐม เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน ซึ่งเคยทำงานร่วมกันสมัยที่รับราชการอยู่ที่ กองบังคับการปราบปรามเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในวันต่อมา พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้โทรศัพท์ไปบอก ด.ต.พรพิพัฒน์ ให้นำป้ายทะเบียนที่ซุกซ๋อนไว้ภายในรถไปทำลาย



2.ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝอ.7 ภ.จว.นครปฐม ให้การว่าเมื่อวันที่ 28 ส.ค. พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้นำรถยนต์แคมรี่ ติดป้ายทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร มาให้และให้ช่วยติดต่อหาคนเพื่อนำไปแยกชิ้นส่วน ทำลายหลักฐาน โดยได้นำมาร้านอาหารแสงจันทร์ ของ ด.ต.พรพิพัฒน์ ในตัวเมืองนครปฐม ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร และจอดรถไว้ที่ร้านอาหาร โดยยังไม่ได้ทำอะไร ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. จึงได้ติดต่อ พ.ต.ท.สามมิตร ไชยอื่นคำ ส.ว.สส.ภ.จว.นครปฐม นำรถคันดังกล่าวเพื่อไปแยกชิ้นส่วนหลังจากนั้นไม่ทราบว่ามีการนำไปแยกชิ้นส่วนหรือไม่ อย่างไร จนกระทั่งวันที่ 21 ก.ย.พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว และผู้บังคับบัญชาได้นำตัวมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ข้อเท็จจริง และซักถามถึงแผ่นป้ายทะเบียนชุดดังกล่าว ซึ่งเก็บไว้ที่ร้านอาหารและพบแผ่นป้ายทะเบียน ณย 2123 กรุงเทพมหานคร

3.พ.ต.ท.สามมิตร ไชยอื่นคำ ส.ว.สส.ภ.จว.นครปฐม ให้การว่า เมื่อประมาณวันที่ 30 ส.ค. ด.ต.พรพิพัฒน์ ติดต่อให้ช่วยรถแคมรี่ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ไปทำลายหลักฐาน จากนั้นได้นำรถคันดังกล่าวจากร้านอาหารของ ด.ต.พรพิพัฒน์ ไปจอดไว้ใต้ต้นไม้บริเวณบ้านของ ด.ต.ธนรักษ์ ชาวสวนแก้ว ผบ.หมู่งานสืบสวน ภ.จว.นครปฐม ผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.สามมิตร โดยยังไม่ได้นำไปแยกชิ้นส่วน ต่อมาวันที่ 21 ก.ย. ด.ต.พรพิพัฒน์ และ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.สามมิตร ได้โทรศัพท์มาสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว และให้นำรถยนต์มามอบให้ จนท.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

4.พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ อำมาตย์ รอง ผกก.6 ทล. ให้การว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้มารับมอบภารกิจทำการสืบสวนสอบสวนรวมรวมข้อมูลรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ 3.5 Q พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ กับพวกจึงร่วมกันตรวจสอบข้อมูลทั้งจากข้อมูลในระบบ POLIS ที่มีการเชื่อมโยงกับกรมการขนส่งทางบก และได้ตรวจสอบกับบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จึงทราบว่ารถรุ่นนี้ไม่มีการผลิตในประเทศไทย และได้นำเข้ามาจำหน่าย เริ่มตั้งแต่ปี 2549 จำนวน 283 คัน ซึ่งมีข้อมูลสี หมายเลขตัวถึง ปีที่จดทะเบียนทั้ง 283 คัน และเมื่อดูพบว่า มีเลขตัวถังไม่ตรงกับรถยนต์ที่นำเข้ามาในประเทศไทยทั้ง 283 คัน แต่จากการตรวจสอบพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวระบุเลขตัวถัง MR053BK4107001933 หมายเลขเครื่อง คือ 2AZ1197836