ผบ.ทบ.ยืนยันไม่ปล่อยคดี “ยิ่งลักษณ”เงียบตามที่มีการวิจารณ์ ย้ำตำรวจ-ทหารประสานข้อมูลร่วมกัน ชี้เปิดประมูลรถลากจูงเรือเหาะเหตุบอลลูนอายุครบการใช้งานปิดตำนานถาวร
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าใช้เส้นทาง จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ว่า ข้อมูลด้านการข่าวยืนยันว่า รถต้องสงสัยที่พาอดีตนายกฯหลบหนี ปรากฎภาพสุดท้ายที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆก็ยังไม่พบว่ารถคันดังกล่าวออกไปทางเส้นทางใด ซึ่งจะมีการเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยในส่วนของกองทัพให้ความกระจ่างได้แค่เรืีองชายแดนเท่านั้น แต่เรื่องคดีเป็นหน้าที่ของตำรวจ ยืนยันว่า ตำรวจและทหารมีการประสานข้อมูลร่วมกัน ไม่มีการปล่อยให้คดีเงียบตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แน่นอน
ผบ.ทบ. ยังได้กล่าวถึงเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม บริเวณหน้าโลตัสเอ็กซ์เพรส ซอยกรุงเทพกรีฑา 35 ซึ่งคนร้ายใช้ซีโฟร์เป็นส่วนประกอบระเบิด ว่า น่าจะเป็นคดีอาชญากรรม แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเป็นระเบิดชนิดใด นำมาจากไหน ซึ่งต้องติดตามคนก่อเหตุมาสอบสวน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ประกอบระเบิดได้ง่ายขึ้น เช่น ระเบิดแสวงเครื่องที่สามารถหาอุปกรณ์พื้นฐานมาประกอบได้เอง แม้จะมีกฎหมายควบคุมแต่ก็ดูแลไม่ได้ทั้งหมด เช่นงานรื่นเริงต่างๆที่ใช้ พลุ หรือดอกไม้ไฟ ที่มีส่วนผสมของดินปืนสามารถนำไปประกอบระเบิดได้ ก็พยายามควบคุมอยู่
ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีมีการเปิดประมูลรถลากจูงเรือเหาะตรวจการณ์ว่า เป็นกระบวนการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากบอลลูนอายุครบการใช้งานแล้ว ดังนั้นจะต้องมีการปรับรูปแบบการทำงาน โดยนำกล้องตรวจการณ์ที่มีราคาสูงไปติดตั้งกับอากาศยานแทน ซึ่งนับได้ว่าเป็นการปิดตำนานการใช้เรือเหาะ
สำหรับเรือเหาะตรวจการณ์ 350 ล้านบาท เป็นโครงการที่จัดซื้อในช่วงที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการใช้เรือเหาะบินตรวจการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้