สื่อต่างชาติทุกสำนักประโคมข่าวพบเด็กติดถ้ำหลวง 13 คนปลอดภัย

2018-07-03 10:30:51

สื่อต่างชาติทุกสำนักประโคมข่าวพบเด็กติดถ้ำหลวง 13 คนปลอดภัย

Advertisement


สื่อต่างชาติทุกสำนักประโคมข่าว การค้นพบเด็กติดถ้ำหลวงทั้ง 13 คน ยังปลอดภัยและแข็งแรง ขั้นตอนต่อไป เตรียมแผนการนำเด็กออกจากถ้ำ



สำนักข่าวต่างประเทศยักษ์ใหญ่ทุกสำนัก ทั้งรอยเตอร์ เอพี เอเอฟพี บีบีซี ซีเอ็นเอ็น และอีกหลายประเทศ ที่เกาะติดภารกิจค้นหาและช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลเยาวชน “หมูป่าอะคาเดมี” 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายนถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดทุกสำนักรายงานข่าวอ้างถ้อยแถลงของนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เมื่อคืนนี้ว่า เจ้าหน้าที่พบตัวทีมนักฟุตบอลเยาวชนหมูป่า ทั้ง 13 คน ยังมีชีวิตอยู่ภายในถ้ำหลังจากสูญหายไป 9 วัน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัย ยังได้เผยแพร่คลิปวิดีโอในนาทีที่พบตัวนักเตะทั้งหมดด้วย ซึ่งเมื่อส่องไฟฉายไปพบเด็กทั้งหมดยังอยู่ในชุดนักกีฬา คือสวมกางเกงขาสั้น และเสื้อสีแดงและสีฟ้านั่งอยู่บนเนินที่เรียกว่า "เนินนมสาว” ซึ่งสูงพ้นน้ำ







ส่วนเสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปพบเด็ก คือทีมนักประดาน้ำจากอังกฤษ 2 คน คือ "ริค สแตนตัน" และ "จอห์น โวลันเธน" คนหนึ่ง ถามเด็ก ๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า อยู่กันกี่คน? ซึ่งก็มีเสียงตอบกลับมาว่า 13 คน




เด็กในกลุ่ม ถามนักประดาน้ำทั้ง 2 กลับมาว่า "เมื่อไหร่พวกเขาจะได้ออกไปจากถ้ำอย่างปลอดภัย"? ซึ่งหนึ่งใน 2 นักดำน้ำ ตอบว่า "ไม่ใช่วันนี้ ตอนนี้มีแค่ 2 คน พวกเราต้องดำน้ำ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็กำลังตามกันเข้ามา โอเคนะ?" หลายคนกำลังตามพวกเราเข้ามา เรา 2 คนล่วงหน้ามาก่อน จากนั้นหนึ่งในเด็ก กล่าวว่า




"พวกเราหิว อยากกินข้าว" เด็กถามด้วยเสียงคลุมเครืออีกว่า วันนี้เป็นวันอะไร? ซึ่งนักประดาน้ำก็ชะงักนิดหนึ่ง ก่อนตอบว่า "วันจันทร์ วันนี้เป็นวันจันทร์" และกล่าวต่อว่า "พวกคุณอยู่ที่นี่เข้าวันที่ 10 แล้ว ยังดูแข็งแรงมาก" พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้เด็กทราบ และบอกว่าพวกเขาต้องกลับออกไปจากที่นี่ก่อน แต่จะกลับมาอีก

เด็กอีกคนกล่าวว่า "พวกผมขอบคุณมาก ๆ" แล้วถามว่า พวกคุณมาจากไหน? นักประดาน้ำ ตอบว่า "อังกฤษ ยูเค" เด็ก ๆ ร้องพร้อมกันว่า "โอ้โฮ"  




นักประดาน้ำอังกฤษ 2 คน คือริค สแตนตัน และจอห์น โวลันเธน ซึ่งเดินทางมาร่วมกับชุดค้นหาของไทยเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เข้าไปพบเด็ก หลังหน่วยซีลเคลียร์เส้นทางและทั้ง 2 คนล่วงหน้าไปก่อน โดยพวกเขาก็ใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะเข้าไปถึงตัวเด็ก เพราะเป้าหมายเดิม ที่หาดพัทยาไม่เจอตัว




เด็กนักฟุตบอล ซึ่งอายุระหว่าง 11-16 ปี สูญหายไปพร้อมกับโค้ช วัย 25 ปี หลังจากพวกเขาซ้อมฟุตบอลเมื่อวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน โดยบอกว่าจะเข้าไปสำรวจภายในถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอน ติดพรมแดนเมียนมา ความพยายามค้นหาและช่วยเหลือครั้งใหญ่ของของหน่วยกู้ภัยนานาชาติ ดำเนินการตั้งแต่วันนั้น โดยทีมกู้ภัยต้องต่อสู้กับกระแสน้ำที่ไหลแรง ขุ่นโคลนและระดับน้ำที่สูง เพื่อพยายามที่จะไปให้ถึงตัวเด็ก ๆ ที่ติดอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งมีความยาวทอดไปตามเทือกเขาถึง 10 กิโลเมตร

นายโอสถธนากร กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลายร้อยชีวิตทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ยังคงปักหลังเกาะติดภารกิจนี้ว่า หน่วยซีลของไทยได้พบทีมนักฟุตบอลยังมีชีวิตอยู่ทั้ง 13 คนแล้ว ซึ่งการแถลงของนายโอสถธนากร มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ไปทั่วประเทศด้วย




ส่วนญาติพี่น้องของเด็กทั้ง 13 คน ซึ่งมารอด้วยใจกระวนกระวายบริเวณใกล้ปากถ้ำ ด้วยความหวังว่าจะมีข่าวดี เมื่อทราบว่าพบลูกหลานของตัวเองในสภาพที่ยังแข็งแรง ต่างส่งเสียงเฮกันดังลั่น กระโดดสวมกอดกันพร้อมยิ้มออก และได้รับโทรศัพท์จำนวนมากจากญาติที่โทรเข้ามาถามไถ่ ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเอง ก็จับมือกันพร้อมแสดงความยินดีต่อกันและกัน ระเบิดเสียงยินดีออกมาเช่นกัน




อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทั้ง 13 คน มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์หรือไม่ แต่พวกเขาจะได้รับเจลพลังงาน (energy gel) ให้พวกเขาเพื่อสร้างพลังงานในร่างกาย ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่วางแผนเพื่อนำตัวพวกเขาออกจากถ้ำ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเริ่มทำงานกันเมื่อวานนี้ ในการเคลียร์ทางเข้าที่แคบมาก สำหรับให้นักประดาน้ำเข้าไปภายในถ้ำที่ถูกน้ำท่วม ในปฏิบัติการค้นหา ซึ่งต้องพบกับอุปสรรคจากน้ำท่วมขัง นักประดาน้ำจากหน่วยซีล ของราชนาวีไทย มีเป้าหมายอยู่ที่ เนินที่อยู่เหนือน้ำภายในถ้ำ ซึ่งเรียกกันว่า พัทยาบีช หรือหาดพัทยา ที่เชื่อกันว่า เด็กทั้งหมดจะอยู่กันที่นี่



นักประดาน้ำใช้เวลาทั้งหมดเมื่อวานนี้ ในการเตรียมการในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อที่จะเข้าไปให้ถึงจุดหมายที่เชื่อว่า ทีมนักเตะหมูป่าจะหลบซ่อนตัวอยู่

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวกับกลุ่มนักข่าว ซึ่งก็ส่งเสียงแสดงความยินดีดังลั่นเช่นกัน ว่า หน่วยซีลรายงานว่า พวกเขาไปถึงพัทยาบีชแล้ว ซึ่งถูกน้ำท่วม และไม่มีเด็ก จึงต้องดำน้ำต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร จึงพบกับเด็กทั้ง 13 คน ในบริเวณที่เรียกว่า “เนินนมสาว” ซึ่งทุกคนปลอดภัย แต่ปฏิบัติการช่วยเหลือยังไม่จบ และยังเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากในการนำตัวเด็กออกจากถ้ำอีก ซึ่งต้องมีการวางแผนกันต่อไป ภารกิจของเจ้าหน้าที่คือการค้นหา ช่วยเหลือและนำตัวกลับออกมาอย่างปลอดภัย ตอนนี้ เจ้าหน้าที่พบตัวเด็กแล้ว ภารกิจต่อไป คือนำพวกเขาออกจากถ้ำและส่งกลับบ้านสู่อ้อมอกครอบครัว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า พวกเขายังคงเร่งสูบน้ำออกจากถ้ำ ขณะเดียวกัน ก็ต้องส่งแพทย์และพยาบาลเข้าไปในถ้ำเพื่อตรวจสุขภาพเด็กและโค้ช ซึ่งหากแพทย์กล่าวว่า สภาพร่างกายของเด็กทุกคนแข็งแรงพอที่จะเคลื่อนย้ายได้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวเด็กออกจากถ้ำทันที และทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลทั้งหมดจนกว่าพวกเขาจะกลับไปเรียนหนังสือได้ตามเดิม

แต่เอ็ดด์ โซเรนสัน ผู้ประสานงานระดับภูมิภาค ในองค์การช่วยเหลือและค้นหาภายในถ้ำใต้น้ำระหว่างประเทศ ในฟลอริดา ให้คำแนะนำว่า ไม่ควรพยายามนำเด็กออกจากถ้ำด้วยการใช้ชุดประดำน้ำ

ด้านนาวาอากาศเอกหญิง เจสสิกา เท็ต ซึ่งอยู่ในทีมสนับสนุนการกู้ภัยของกองทัพอากาศสหรัฐ กล่าวว่า มีความท้าทายมากมาย ในการค้นหาครั้งนี้ แต่ความพยายามที่ประสบความสำเร็จนี้ ก็มาจากการร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งประเทศด้วย เจสสิกา บอกว่า มีความท้าทายมากมายเมื่อพูดถึงองค์ประกอบต่าง เมื่อพูดถึงเรื่องต่าง ๆ มีความแตกต่างกันในแนวทางการปฏิบัติ แต่ทุกคนก็รู้ก็เห็นเหมือนอย่างที่เธอเห็น คือประเทศไทยร่วมแรงร่วมใจกันดีมาก แต่ความท้าทายอันดับต่อไป คือ วิธีการที่จะนำเด็กออกจากถ้ำ ซึ่งบางคนเรียกมันว่า "เขาวงกต" 





เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้หารือกันว่าต้องรอจนกว่าระดับน้ำจะลดลง เพื่อนำตัวเด็กออกจากถ้ำ ส่วนทางเลือกอื่น ก็รวมทั้งการสอนให้เด็กใช้อุปกรณ์ดำน้ำเพื่อดำน้ำออกจากถ้ำ ด้านทีมแพทย์ก็เตรียมอุปกรณ์ชุดปฐมพยาบาลไว้รอนอกถ้ำแล้ว หลังทราบข่าวการค้นพบเด็กทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการเชียงราย กล่าวว่า ทีมแพทย์ถูกส่งเข้าไปภายในถ้ำด้วย และจะอยู่กับเด็กประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินสุขภาพ และความฟิตของสภาพร่างกาย ก่อนที่จะกำหนดยุทธศาสตร์นำตัวเด็กออกจากถ้ำ ทั้ง 13 คนอยู่ในขบวนการของความช่วยเหลือแล้ว

ส่วนหน่วยซีลระบุในเฟซบุ๊ค ว่า ในระหว่างที่รอนี้ เด็กทุกคนได้รับเจลพลังงานไว้รับประทาน นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ยังชีพถูกนำติดตัวไปพร้อมกับทีมแพทย์ และทางหน่วยซีลจะส่งตัวเจ้าหน้าที่ไปอยู่กับเด็ก จนกว่าแผนการเคลื่อนย้ายจะเริ่มต้นขึ้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ต้องหาวิธีนำตัวเด็กออกจากถ้ำ แต่ภารกิจสำคัญอันดับแรกตอนนี้ ต้องตรวจสุขภาพของพวกเขาและให้อาหารเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย

ผู้คนทั้งประเทศที่เฝ้าติดตามภารกิจนี้ ต่างพากันโล่งอก ที่พบเด็กทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่