“ทุก 10 ไมโครกรัมมีผู้ป่วยถึง 5 คน!” แพทย์ มช.เผยวิกฤติ เร่งแก้ปัญหาหมอกควัน

2018-04-03 16:55:39

“ทุก 10 ไมโครกรัมมีผู้ป่วยถึง 5 คน!” แพทย์ มช.เผยวิกฤติ เร่งแก้ปัญหาหมอกควัน

Advertisement

เชียงใหม่เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ด้านแพทย์ มช.เผยทุก 10 ไมโครกรัม จะมีผู้ป่วยถึง 5 คน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 เม.ย. นายมนัส ขันใส ปลัด จ.เชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ โดยมีวาระเกี่ยวกับสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และการแจ้งเตือนช่วงภาวะหมอกควันให้กับประชาชน รวมถึงการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือในห้วงระยะนี้

ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และ pm10 โดยจะเห็นว่าค่า pm 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมีค่าที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน และในทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. จะมีผู้ป่วย 5 คน เท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น สิ่งนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และต้องรีบเตือนประชาชนให้มีความระมัดระวังมากขึ้น และเป็นภัยที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้านปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และปอดติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน




ด้านนายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร นักอุตุนิยมวิทยาภาค ชำนาญการพิเศษศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า บริเวณภาคเหนือ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6-7 เมษายน 2561 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทeให้บริเวณภาคเหนือมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตก และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรง และฟ้าผ่า ที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทาให้เกิดน้ำท่วมขัง และน้ำป่าไหลหลาก สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย นอกจากนี้พบว่า อากาศในพื้นที่ภาคเหนืออุณหภูมิจะร้อนที่สุดถึง 42 องศาเซลเซียส และช่วงวันที่ 15 - 17 เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นอีก และจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนช่วงท้ายเดือน เม.ย.ก็จะกลับมาร้อนอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีฝนตกกว่าเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน จึงขอให้ประชาชนเตรียมรับมือไว้ด้วย

น.ส.หนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยว่า การขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ก็เพื่อที่จะเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำแก้ปัญหาภัยแล้ง และการทำให้เกิดฝนตกเพื่อแก้ไขปัญหาด้านมลพิษทางอากาศไปพร้อมกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้ขึ้นปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ทางการเกษตร การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้และบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า ซึ่งก็มีฝนตกลงมาในช่วง 3 - 4 วันที่ผ่านมา และได้ใช้สารในการปฏิบัติการฝนหลวงไปแล้วกว่า 88.9 ตัน นอกจากนี้ก็ได้ปฏิบัติการยับยั้งความรุนแรงของพายุลูกเห็บด้วย ซึ่งจะเห็นว่าในพื้นที่ภาคเหนือแม้จะมีลูกเห็บตก แต่ก็ไม่ได้กระทบกับบ้านเรือนจนเกิดความเสียหาย พร้อมกันนี้ก็มีการติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน หากพบว่าวันไหนระดับความชื้นและสภาพอากาศเอื้ออำนวยก็จะขึ้นปฏิบัติการทันที



นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การมีเครื่องมือตรวจวัด pm 2.5 ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่จะได้นำมาเปรียบเทียบกับค่า pm 10 ที่เป็นค่ามาตรฐานตามที่รัฐบาลกำหนด แต่ทั้งนี้ การวัดค่า pm 2.5 ก็ไม่ได้ยืนยันว่า หากวัดค่าฝุ่นละอองมาแล้วจะช่วยแก้ปัญหาหมอกควันได้ แต่สิ่งที่จะแก้ไขได้คือจิตสำนึกและความร่วมแรงร่วมใจกัน ในการป้องกันที่ต้นเหตุ เพราะการวัดค่าฝุ่นละอองเป็นการทำที่ปลายเหตุ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันไม่เผา ก็คงจะเหลือเพียงหมอกควันที่ข้ามแดนเข้ามา ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากเพราะไม่มีใครแก้ไขได้ แต่ทั้งนี้ต้องหยุดการเผาให้ได้เสียก่อน และจังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกินมาตรฐานเพียงจังหวัดเดียว หากจะใช้การวัด pm 2.5 มาวัด ก็ต้องวัดทุกจังหวัด ไม่ควรวัดจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่ควรทำให้เป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน และล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศให้มีการนำค่าการวัดฝุ่นละออง pm2.5 มารายงานให้กับประชาชนได้รับทราบตามที่ประชาชนต้องการด้วย

นอกจากนี้ในช่วงเช้าวันนี้ ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้นำข้าราชการ ตำรวจ ปภ.เชียงใหม่ และจิตอาสา มาร่วมกันฉีดพ่นน้ำ ทำความสะอาดลดปัญหาหมอกควันที่บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดด้วย เพราะฝุ่นละอองไม่ได้มาจากการเผาเพียงอย่างเดียว แต่มาจากฝุ่นที่ตกอยู่ตามพื้นและฟุ้งกระจายขึ้นมาด้วยเหมือนกัน หลังจากที่มีการเก็บกวาดเศษใบไม้เสร็จ ก็ได้มีการนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักรอบต้นไม้ ภายในศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ด้วย