สิ้น "สมณะโพธิรักษ์" ผู้ก่อตั้ง "สำนักสันติอโศก"

2024-04-11 11:20:31

สิ้น "สมณะโพธิรักษ์" ผู้ก่อตั้ง "สำนักสันติอโศก"

Advertisement

สิ้น "สมณะโพธิรักษ์" ผู้ก่อตั้ง "สำนักสันติอโศก"  ด้วยโรคชรา สิริอายุ 89 ปี 

เมื่อวันที่  11 เม.ย. 67 เพจ บุญนิยมทีวี โพสต์ข้อความระบุว่า  พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ มรณภาพ ด้วยโรคชรา เวลา 06.40.10 น. วันพฤหัสบดี 11 เม.ย.67   

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ชาตะ  วันอังคารที่ 5 มิ.ย.2477  มรณภาพ วันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. 67  สิริอายุ  อายุ 89 ปี 10 เดือน 6  วัน  อุปสมบท  วันที่ 7 พ.ย.2513   รวม 53  พรรษา 5  เดือน 4 วัน

กำหนดการพิธีเคลื่อนสรีรสังขาร

10.00 น.   นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผอ.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ และ นพ.พงษ์พัฒน์ พิมพ์สะ แพทย์เจ้าของไข้มากราบขอขมา

10.30 น. เคลื่อนสรีรสังขาร จาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ไปยังบวรราชธานีอโศก

11.00 น. ถึงราชธานีอโศก ตั้งขบวนรับจากสะพานโค้งรุ้ง

11.30 น พิธีบรรจุสรีรสังขารพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ลงหีบ โดยท่านสมณะ ณ ใต้เฮือนศูนย์สูญ

ด้านนายไพศาล พืชมงคล  โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า  ด่วนมาก  พ่อท่านโพธิรักษ์สิ้นบุญแล้วเมื่อเช้านี้ ด้วยอายุ 90 ปี ขอแสดงความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการจากไปของพ่อท่านซึ่งเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวสันติอโศกจำนวนมาก ท่านได้อุทิศตนเองเพื่อประโยชน์และความสุขของผู้อื่นมาตลอดอายุขัยของท่าน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่รู้จักนับถือกัน พ่อท่านมีเมตตากับผมอย่างยิ่งตลอดมา  ในช่วงที่ไวรัสโคบ้าระบาด และได้พบว่าน้ำหมักพลูคาวของสันติอโศก สามารถรักษาโคบ้าได้ ผมได้สั่งซื้อน้ำหมักพลูคาวจากสันติอโศกเป็นจำนวนมากแจกจ่ายฟรีไปทั่วประเทศ ความทราบถึงพ่อท่านท่านก็สั่งลูกศิษย์ว่าอาจารย์ไพศาลจะซื้อไปแจกไม่ได้เอาไปขาย ดังนั้นสันติอโศกต้องร่วมทำบุญกับอาจารย์ไพศาล และสั่งให้ขายน้ำหมักพลูคาวแก่ผมในอัตราครึ่งหนึ่ง คือขวดละ 40 บาท ซึ่งได้ช่วยชีวิตผู้คนไว้เป็นจำนวนมาก จึงขอกราบขอบพระคุณพ่อท่านโพธิรักษ์ไว้ณโอกาสนี้ด้วย 

สำหรับประวัติ "สมณะโพธิรักษ์"  มีชื่อเดิมว่า "มงคล รักพงษ์" เกิดวันที่ 5 มิ.ย.2477 ที่ จ.ศรีสะเกษ  ในวัยเด็กอาศัยอยู่กับมารดาที่ จ.อุบลราชธานี ภายหลังได้เข้ามาศึกษาชั้นมัธยมที่ กทม. เมื่อเรียนจบมัธยมปลายก็ได้เข้าศึกษาต่อ ที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกวิจิตรศิลป์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "รัก รักพงษ์"   ขณะที่กำลังเรียนอยู่ได้เข้าทำงานที่ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เป็นผู้จัดรายการ เป็นรายการเกี่ยวกับเด็ก การศึกษา และวิชาการ นอกจากงานทางสถานีโทรทัศน์แล้ว ก็ยังทำงานเป็น ครูพิเศษ สอนศิลปะตามโรงเรียน นักแต่งเพลง และเด็กส่งหนังสือพิมพ์  ต่อมาได้หันมาศึกษา พุทธศาสนาและได้อุปสมบทในคณะธรรมยุติกนิกาย ณ วัดอโศการาม เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2513 ได้รับฉายาว่า โพธิรกฺขิโต มีพระราชวรคุณ (สำรอง คุณวุฑฺโฒ) เป็นพระอุปัชฌาย์

2 เม.ย. 2516 พระโพธิรักษ์ ได้เข้ารับการแปรญัตติ เป็นพระของคณะมหานิกายอีกคณะหนึ่ง โดยมิได้สึกจากคณะธรรมยุต ที่วัดหนองกระทุ่ม จ.นครปฐม โดยมีพระครูสถิตวุฒิคุณ เป็นอุปัชฌาย์ เนื่องจากมีพระคณะมหานิกายเข้ามาร่วมศึกษา และปฏิบัติตามพระโพธิรักษ์ แต่พระราชวรคุณ ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ไม่ต้องการ ให้พระฝ่ายมหานิกายเข้ามาศึกษาด้วย

25 เม.ย.2516 พระโพธิรักษ์ได้คืนใบสุทธิให้ฝ่ายธรรมยุต ถือไว้แต่ใบสุทธิ ฝ่ายมหานิกาย อย่างเดียว

6 ส.ค.2518 พระโพธิรักษ์และคณะ ได้ประกาศ นานาสังวาส กับมหาเถรสมาคม (ประกาศลาออกจากมหาเถรสมาคม) และได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่านอกรีต จากการปฏิบัติที่เคร่งครัดของพระโพธิรักษ์และคณะ ได้แก่ ฉันอาหารมังสวิรัติ, ฉันอาหารวันละ 1 มื้อ, ไม่ใช้เงินทอง, นุ่งห่มผ้าย้อมสีกรัก, ไม่มีการเรี่ยไร, ไม่รดน้ำมนต์-พรมน้ำมนต์, ไม่ใช้การบูชา ด้วยธูปเทียน, ไม่มีไสยศาสตร์ฯ

ในภายหลัง พระโพธิรักษ์ และคณะ ได้รับการพิพากษาว่าเป็น ผู้แพ้ ไม่สามารถ เรียกขานตนเองว่า พระ ได้ จึงเรียกตนเองว่า สมณะ แทน และยังคงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม 

สมณะโพธิรักษ์ได้ก่อตั้งพรรคพลังธรรม โดยมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค ทั้งยังได้มีบทบาททางการเมือง โดยนำพาผู้ปฏิบัติธรรมสันติอโศกเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 รวมถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ต่อต้านรัฐบาลทั้งใน พ.ศ.2549 และพ.ศ. 2551 รวมถึงการชุมนุมของ กปปส.  ใน  พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 ด้วย  ในการชุมนุมของ กปปส.น สมณะโพธิรักษ์และผู้ปฏิบัติธรรมสันติอโศกได้ปักหลักชุมนุมที่สวนลุมพินีตั้งแต่วันที่ 4  ส.ค. 2556 ร่วมกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ   ) โดยก่อนหน้านี้ พ.ศ. 2555 ก็ได้เคยเข้าร่วมการชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) มาแล้ว

"สมณะโพธิรักษ์" ได้นำพากลุ่มชาวอโศกสร้าง "ชุมชนบุญนิยม" ตามปรัชญา แห่งศาสนาพุทธ ที่เชื่อมั่นว่า สัมมาทิฏฐิ เป็นแกนสำคัญ ของมนุษย์ และสังคมโดย มีความ เป็นอยู่ อย่างเรียบง่าย  พึ่งตนเองได้ สร้างสรร  ขยัน อดทน  ไม่เอาเปรียบใคร  ตั้งใจเสียสละ จนได้รับ การขนานนามว่า ไชุมชนคนพอเพียง"  


ขอบคุณภาพจากเพจ บุญนิยมทีวี