กินอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ระวังโรคพยาธิใบไม้ในปอด

2024-03-29 10:32:09

กินอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ระวังโรคพยาธิใบไม้ในปอด

Advertisement

กินอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ  ระวังโรคพยาธิใบไม้ในปอด

อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย มีคนไม่น้อยชอบทาน แต่อาหารเหล่านี้หากทานบ่อย ๆ สามารถส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบทำมาจากเนื้อสดที่ไม่ผ่านการปรุงสุก จึงก่อให้เกิดแหล่งสะสมของเชื้อโรคพยาธิและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด "โรคพยาธิใบไม้ในปอด" ได้

โรคพยาธิใบไม้ในปอดคืออะไร ?

โรคพยาธิใบไม้ในปอด (paragonimiasis) เกิดจากการติดเชื้อพยาธิตัวแบนคล้ายใบไม้ที่พบได้ในกุ้งหรือปูน้ำจืด อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ จะมีตัวอ่อนของพยาธิอาศัยอยู่ ซึ่งเมื่อทานเข้าไป อาจทำให้ได้รับเชื้อได้ เมื่อพยาธิเข้าสู่ร่างกายจะชอนไชทะลุผนังลำไส้และเข้าไปฝังตัวที่ปอด ทำให้เกิดโรคที่ปอด และเป็นที่มาของโรคพยาธิใบไม้ในปอด

โรคพยาธิใบไม้ในปอดติดต่อจากคนสู่คนได้หรือไม่ ?

โรคพยาธิใบไม้ในปอดติดต่อทางการทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบโดยเฉพาะสัตว์น้ำจืด เช่น กุ้ง ปู และไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้โดยตรง แต่หากผู้ที่มีพยาธิใบไม้ในปอดในลำไส้ขับถ่ายในแหล่งน้ำสาธารณะที่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ จะสามารถเป็นพาหะส่งต่อพยาธิไปยังผู้อื่นได้


อาการของโรคพยาธิใบไม้ในปอด เมื่อพยาธิชอนไชเข้าไปอยู่ในปอดจะทำให้มีอาการ ดังนี้

-เจ็บหน้าอก

-ไอเรื้อรัง

-มีเลือดปนออกมากับเสมหะ

-เหนื่อยง่าย

-ปวดท้อง ท้องเสีย

-คลื่นไส้ อาเจียน

นอกจากนี้พยาธิอาจจะชอนไชไปอยู่อวัยวะภายในอื่น ๆ ได้ เช่น ตับ ลำไส้ กล้ามเนื้อ เยื่อบุช่องท้อง และสมอง ทำให้เกิดอาการที่ผิดปกติตามอวัยวะเหล่านี้

โรคพยาธิใบไม้ในปอดมีอาการอย่างไร ?

เริ่มต้นจากการได้รับเชื้อพยาธิเข้าสู่ร่างกายผ่านการกิน กึ่งสุกกึ่งดิบ ตัวพยาธิในลำไส้จะชอนไชเข้าผนังลำไส้และทะลุออกไปที่ช่องท้อง ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ในบางรายอาจคลำพบก้อนในท้องหรือตรวจพบพยาธิในตับและตับอ่อน อาจส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองโตและอักเสบ จากนั้นพยาธิจะชอนไชเข้าสู่ปอดแล้วเจริญเติบโตเป็นพยาธิที่โตเต็มวัย การที่พยาธิอาศัยอยู่ในปอดนั้นทำให้เนื้อปอดเกิดการอักเสบ มีเลือดออก ส่งผลให้ร่างกายสร้างพังผืดล้อมรอบตัวพยาธิกลายเป็นถุงหุ้มพยาธิ มีลักษณะเป็นก้อนที่ภายในอาจพบพยาธิอาศัยเป็นคู่หรือมากกว่านั้น เมื่อพยาธิออกไข่ ถุงหุ้มพยาธิในปอดจะแตกทำให้ไข่ของพยาธิออกมาทางหลอดลม ส่งผลให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ หลอดลมจึงเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ ผู้ป่วยระยะนี้มักมีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรัง หรือมีเลือดปนออกมากับเสมหะ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง พยาธิตัวอ่อนและตัวโตเต็มวัยอาจชอนไชเข้าไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ เช่น ดวงตา กล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ตับ ไต ลำไส้ แต่ที่พบบ่อยคือพยาธิในสมอง ทำให้ผู้ป่วยระยะนี้มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน ตาพร่า เป็นอัมพาตได้

จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการที่เป็นคือ โรคพยาธิใบไม้ในปอด ?

อาศัยอาการและปัจจัยเสี่ยงที่เข้าได้ ร่วมกับการตรวจเสมหะ น้ำล้างหลอดลมและถุงลมฝอย น้ำไขสันหลัง รวมถึงอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ และอาจตรวจเลือดเพื่อดูชนิดของเม็ดเลือดขาว eosinophil ที่อาจเพิ่มขึ้นจากการติดเชื้อยพยาธิดังกล่าว นอกจากนั้นยังสามารถตรวจภาพรังสีปอดเพื่อดูรอยโรคที่ปอด

การป้องกันโรคพยาธิใบไม้ในปอด การป้องกันโรคพยาธิใบไม้ในปอดสามารถทำได้ ดังนี้

-รับประทานอาหารที่สุกและสะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบโดยเฉพาะกุ้ง ปู ปลาน้ำจืด

-งดการขับถ่ายในแหล่งน้ำสาธารณะ ป้องกันการแพร่กระจายของโรค

-การรักษาโรคพยาธิใบไม้ในปอด การรักษาโรคพยาธิใบไม้ในปอด ทำได้โดยการให้ยาฆ่าพยาธิและรักษาตามอาการ

รศ.นพ.จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์

สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล