"จักรภพ" ได้ประกันเปิดใจพร้อมรับใช้ประเทศ

2024-03-28 21:21:12

"จักรภพ" ได้ประกันเปิดใจพร้อมรับใช้ประเทศ

Advertisement

"จักรภพ" ได้ประกันตัว เปิดใจจากนี้ไปจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ รับใช้ประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นบทบาทใด  ยอมรับคุยกับ "ทักษิณ" ก่อนเดินทางกลับ

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) คุมตัว นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองไปต่าประเทศนานถึง 15 ปี จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ มาที่ บก.ป. หลังเดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าวันนี้  เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นอั้งยี่   

ล่าสุดนายจักรภพ ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่พนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันในชั้นสอบสวน โดยกำหนดหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาทต่อคดี โดยไม่มีเงื่อนไข โดยจะต้องมารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนครั้งต่อไปในวันที่ 22 และ 23 เม.ย.นี้

ภายหลังได้รับการประกันตัว นายจักรภพ ได้ลงมาทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่บริเวณโถงชั้นล่าง บก.ป.  พร้อมให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า  ได้ออกจากประเทศไทยไปเมื่อปี 2552 เป็นเวลา 15 ปี จึงตัดสินใจกลับมาสู้คดีที่ยังเหลืออีก 2 คดี  เวลา 15 ปีที่ผ่านมาคิดถึงเมืองไทยทุกวัน พ่อแม่ก็เสียชีวิตระหว่างที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งต้องระหกระเหินลี้ภัยไปอยู่ 5 ประเทศ  ระหว่างนั้นได้ติดตามข่าวสารประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา ลำบากกายไม่เท่าไหร่แต่มีความลำบากใจมากกว่า เวลาผ่านไปทำให้ตนเองคิดอะไรได้เยอะ รู้สึกเสียดายเวลาที่จะรับใช้ประเทศชาติ จากนี้ไปจะตั้งใจว่าจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ รับใช้ประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นบทบาทใดก็ตาม จะไม่มาสร้างความวุ่นวายอะไร การทำการเมืองก็เป็นวิถีทางหนึ่งที่ตนเองสามารถช่วยทำประโยชน์ได้ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปมาก การเมืองภาพใหญ่ในระบอบประชาธิปไตยเป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ทำให้เพิ่มความมั่นใจว่าบรรยากาศต่างๆ เป็นไปในทางที่ดีขึ้น

ส่วนกระแสข่าวที่มีการดีลกันจึงทำให้ได้กลับประเทศไทยนั้น  นายจักรภพ กล่าวว่า  ยอมรับว่ามีการพูดคุย แต่ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง มีการพูดคุยว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหาจุดร่วมเพื่อทำอะไรให้ดีขึ้น  ยอมรับว่าก่อนตัดสินใจกลับประเทศไทยมีการพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่ถึงขั้นปรึกษา ซึ่งนายทักษิณ ได้บอกกับตนงว่า อะไรหลายๆ อย่างในประเทศไทย เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ตนอยากทำคือ เสนอตัวกลางช่วยเหลือบุคคลที่ลี้ภัยทางการเมือง โดยดูจากความยากง่ายของคดี ช่วยเหลือผู้ที่มีคดีง่ายก่อน  อย่างไรก็ตามสิ่งแรกที่ทำก็คือ จะไปกราบร่างคุณแม่ที่ยังไม่ได้ฌาปนกิจ ซึ่งเก็บร่างไว้ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน และไปกราบคุณพ่อที่ฌาปนกิจไปแล้วที่บ้านน้องสาว