"อนุทิน" มอบสารเนื่องในวันสถาปนา ศธ.ครบ 132 ปี แนะทบทวนบทบาท ภารกิจ วิธีคิด วิธีการทํางานในวันนี้สอดคล้องกับความเป็นไปของโลก ตอบสนองเป้าหมายทางการศึกษาในสังคมสมัยใหม่ได้ดีเพียงใด
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี มอบสารเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 132 ปี วันที่ 1 เม.ย.67 ระบุว่า หากเปรียบประเทศชาติเป็นบ้าน กระทรวงศึกษาธิการก็คือหนึ่งในเสาเข็มสําคัญ เพราะมีบทบาทในการพัฒนาคนพัฒนาชาติมายาวนาน และเนื่องในวาระโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการครบรอบ 132 ปี ในวันที่ 1 เม.ย.67 นี้ ถือเป็นโอกาสให้เราได้เฉลิมฉลองและทบทวนบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อการก้าวต่อไปอย่างมั่นคง
ในส่วนของการเฉลิมฉลองนั้น เราพึงกระทําด้วยการรําลึกถึงคุณงามความดีของบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ข้าราชการ ครู และเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ที่มีส่วนช่วยนําพาการศึกษาของชาติให้ก้าวหน้ามาจวบจนวันนี้ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้ฝ่าฟันอุปสรรคของแต่ละยุคสมัย และมีส่วนในการสร้างคนที่เป็นกําลังสําคัญในความเจริญก้าวหน้าของประเทศ
อย่างไรก็ดี โลกนี้มีพลวัตและเรากําลังอยู่ในยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงควรใช้โอกาสอันสําคัญนี้ในการทบทวนบทบาทและภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาว่าวิธีคิดและวิธีการทํางานของเราในวันนี้ มีความสอดคล้องกับความเป็นไปของโลกและตอบสนองเป้าหมายทางการศึกษาในสังคมสมัยใหม่ได้ดีเพียงใด
ผมมีความยินดีที่ได้เห็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่กำหนดกรอบของภาพใหญ่ที่สุดไว้ว่า “เรียนดี มีความสุข” เพราะนั่นคือแก่นสําคัญพื้นฐานที่จะทําให้เกิดการต่อยอดไปสู่แนวทางการจัดการศึกษาที่เข้มแข็งในเชิงวิชาการ โดยไม่ละเลยการพัฒนาบุคคลจากภายในให้มีจิตใจที่แข็งแกร่ง สามารถดํารงความเป็นปกติสุขไว้ได้ในโลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยความท้าทาย นับว่าเป็นการตอกย้ำภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการในส่วนที่สําคัญที่สุดไว้ได้เป็นอย่างดี
ขอส่งความปรารถนาดีมายังผู้บริหาร ข้าราชการ บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกท่าน พร้อมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักด์สิทธิ์ทั้งหลาย อีกทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญ มีพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนางานด้านการศึกษาของไทยให้มีความก้าวหน้ายั่งยืนสืบไป