รัฐหนุนผุดแบงก์เพื่อชุมชนทุกตำบลทั่วประเทศ

2018-02-18 16:20:08

รัฐหนุนผุดแบงก์เพื่อชุมชนทุกตำบลทั่วประเทศ

Advertisement

"กอบศักดิ์"เผยร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินประชาชน สนับสนุนให้พี่น้องประชาชนจัดตั้งแบงก์เล็กๆ ในชุมชนทุกตำบลทั่วประเทศ ใครๆก็ออมได้

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจาก ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. สถาบันการเงินประชาชนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการจับมือกันระหว่างรัฐบาลและพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ โดยมีธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นพี่เลี้ยง ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรการเงินชุมชนที่จะเข้าเครือข่าย ทั้งในด้านการพัฒนาระบบฝาก ถอน โอน ชำระเงิน รวมถึงระบบการจัดสวัสดิการให้คนในชุมชน

นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า คนมักจะพูดกันเสมอว่า "คนจนออมไม่ได้" หรือ "เงินไม่พอใช้ในแต่ละวัน แล้วจะให้มาออมเพื่ออนาคตได้อย่างไร " แต่ในขณะนี้ ชุมชนทั่วไทยจำนวนมาก กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าใครๆ ก็ออมได้ จากการออมเงินเล็กๆ วันละ 1 บาทต่อคน แต่ด้วยสมาชิกตำบลละ 2,000-3,000คน กลายมาเป็นเงินออมของชุมชนนับล้านบาทในแต่ละปี บางชุมชน ช่วยกันเก็บเล็กผสมน้อยกันมา 10 ปี สามารถออมได้ 10 ล้าน 20 ล้าน 50 ล้าน แม้กระทั่ง 100 ล้านบาท โดยมีตัวอย่างจากกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิต จ.ตราด ของท่านพระอาจารย์สุบิน ปณีโต ที่พบว่ากลุ่มของท่านมีเงินออมรวมกันถึง 2,700 ล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้ ได้ช่วยประชาชนในชุมชน ใช้เป็นแหล่งทุนสร้างอาชีพ ช่วยปลดหนี้นอกระบบ รักษาที่ดินที่กำลังจะหลุดมือ ตลอดจนเอากำไรมาจัดเป็นสวัสดิการให้กับชุมชน และเป็นทุนในการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้บริการน้ำประปาชุมชน ปุ๋ยอินทรีย์ชุมชน ร้านค้าชุมชน ตลาดชุมชน เป็นต้น


"ตัวอย่างเหล่านี้คือแรงบันดาลใจของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินประชาชน เพื่อสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนสามารถจัดตั้งแบงก์เล็กๆ ในชุมชนของตนเองอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ในทุกตำบลทั่วไทย ตำบลละ 1-2 แห่ง ซึ่งเมื่อตั้งแล้วจะเป็นของชุมชน บริหารโดยคนในชุมชน ทำเพื่อชุมชนของตนเอง"นายกอบศักดิ์ กล่าว

นายกอบศักดิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐจะส่งเสริมสถาบันการเงินเล็กๆ เหล่านี้ อย่างเต็มที่ในด้านต่างๆ ทั้งในระบบการทำบัญชี บันทึกการฝากเงิน การกู้เงิน โอนเงิน การออมเพื่อชราภาพ ระบบสวัสดิการชุมชน แต่ที่สำคัญที่สุด รัฐจะรักษาให้ทุกชุมชนมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการตามความต้องการของสมาชิก ให้สอดคล้องกับสภาพ ตามอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน โดยแต่ละชุมชน จะสามารถกำหนดหลักเกณฑ์การฝาก การกู้ การให้สวัสดิการของตน เนื่องจากเงินเหล่านี้ เป็นเงินของพี่น้องประชาชนที่เก็บออมกันมาเอง โดยสถาบันการเงินเล็กๆ ระดับตำบลเหล่านี้ จะทำงานควบคู่กับกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่แล้วประมาณ 8 หมื่นแห่ง ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของไทยไปข้างหน้า โดยชุมชนที่สนใจเข้าร่วม สามารถเริ่มจากการตั้งกลุ่มออมทรัพย์ขึ้นใหม่ หรือยกระดับจากกลุ่มออมทรัพย์ที่มีอยู่เดิม โดยเน้นความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ

"พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล ที่นำไปสู่การพัฒนาแบบ “ระเบิดจากภายใน” ตามดำริของล้นเกล้า ร. 9 ที่จะเป็นการพัฒนาตามลำดับขั้น ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง และประเทศบรรลุถึงการพัฒนาที่สมดุลยั่งยืนในที่สุด"นายกอบศักดิ์ กล่าว