"อนุทิน" ชี้เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ 31 จังหวัดต้องทำตามข้อกำหนด หากไม่ปฏิบัติตาม บังคับใช้ข้อกฎหมายเคร่งครัด
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 พ.ค. 65 ที่รอยัล พารากอนฮอล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการอนุญาตเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะในพื้นที่สีฟ้าและสีเขียวรวม 31 จังหวัดว่า ในการเปิดก็จะมีมาตรการ ข้อกำหนด และหลักเกณฑ์ให้ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือในดำเนินการ เช่น เปิดไม่เกินเวลา 24.00 น. ไม่มีการใช้ภาชนะร่วมกัน กลุ่มเสี่ยงจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยเอทีเค มีการฉีดวัคซีนครบโดส รวมถึงฉีดเข็มกระตุ้น ส่วนรายละเอียดข้อปฏิบัติอื่นๆทางคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดจะเป็นผู้พิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ เพิ่มเติม ส่วนสถานประกอบการอื่น ๆ หากต้องการสร้างความมั่นใจให้ประสาน อสม.เข้าไปดูแลเพื่อคัดกรองโรคและสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า นายกฯได้กำชับเกี่ยวกับการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะว่าหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่กำหนดก็จะมีการใช้กฎหมาย แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ตนได้กล่าวในที่ประชุมว่ามั่นใจว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือ เนื่องจากปิดกิจการมาเป็นเวลานาน คงไม่อยากปิดกิจการอีก
เมื่อถามว่า หากเกิดการติดเชื้อในผับ บาร์ คาราโอเกะ จะสั่งปิดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้คนส่วนใหญ่ติดเชื้อไม่มีอาการ อย่างไรก็ตามอยู่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด ส่วนจังหวัดพื้นที่สีเหลืองที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ อย่างเป็นทางการนั้นก็คงต้องประเมินสถานการณ์จากนี้ไปก่อน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ศบค.ยังได้มีมติยกเลิกการลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบไทยแลนด์พาสในกลุ่มคนไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนชาวตาางชาติที่เดินทางเข้าไทยจะมีการพิจารณาเป็นลำดับถัดไปโดยจะประเมินสถิติการติดเชื้อเข้ามาในประเทศว่ามีมากน้อยแค่ไหน โดยใช้เวลา 1 เดือน ก่อนจะประเมินอีกครั้ง เมื่อถามว่า ขณะนี้หลายประเทศเริ่มอนุญาตให้ประชาชนถอดหน้ากากอนามัยได้แล้ว ส่วนประเทศไทยจะพิจารณาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้การสวมหน้ากากอนามัยเราก็ไม่ได้บังคับ แต่ทุกคนก็เห็นแล้วว่าการสวมหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการติดเชื้อ และลดความเสี่ยงได้ โอกาสติดโควิดแทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นสวมหน้ากากอนามัยจะทำอะไรเราก็มั่นใจ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะในวันที่ 1 มิ.ย. นี้นั้นจะมีการติดตามข้อมูลเป็นรายวัน แต่ไม่รู้สึกห่วงหรือกังวล เพราะสถานการณ์การติดเชื้อรวมถึงภาพรวมถือว่าดีขึ้นและใกล้เข้าสู่กรอบการเป็นโรคประจำถิ่น ส่วนอำนาจการปิดสถานบริการหรือไม่ หากมีสถานประกอบการไม่ปฎิบัติตามกฎ เป็นอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขยังคงให้ความสำคัญเรื่องการติดตามตัวเลขผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นหลักเพื่อใช้ในการประเมินสถานการณ์ภาพรวม ทั้งนี้ เมื่อเข้าใกล้กรอบการเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว จะมีการประเมินเรื่องของการถอดหน้ากากอนามัย ซึ่งจะใช้หลักเกณฑ์ต่าง ๆ พิจารณา ทั้งเรื่องการเสียชีวิตและการป่วยหนักรวมถึงคัตเตอร์ใหม่ที่มีเกิดขึ้น โดยยังไม่ขอระบุช่วงเวลา