"กอบศักดิ์"ชี้หุ้นสหรัฐตกแรงสุดในรอบ 2 ปี สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจกำลังจะมาถึง
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 65 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ตกแรงสุดในรอบ 2 ปี เมื่อวานนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ได้พร้อมใจกันตก Dow Jones ลดลง 1,164.52 จุด หรือ -3.57% Nasdaq ลดลง 566.37 หรือ -4.73% S&P 500 ลดลง 165.07 หรือ -4.04% เป็นการลดลงแรงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งเมื่อเราดูการเปลี่ยนแปลงของดัชนีเทียบกับวันก่อนหน้า จะเห็นถึงสัญญาณของช่วงความผันผวน ที่ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงแรงเป็นพิเศษ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นมา ที่แตกต่างจากช่วงก่อนหน้า ทำให้ฟองสบู่ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐได้แฟบลงไปมาก โดย ฟองสบู่ Nasdaq ที่เพิ่มสูงไปถึง +63.6% จาก Peak ก่อนโควิด ได้ปรับลดลงมาเหลือเพียง +16.3% เท่านั้น
พูดง่ายๆ ฟองสบู่หุ้นในสหรัฐ ได้แฟบลงไปมาก เพราะที่ Nasdaq เหลือ +16.3% เทียบกับ 2 ปีกว่าๆ ก็คือ ขึ้นปีละ 8% (ซึ่งปกติมาก) ส่วน Dow Jones ที่เพิ่มขึ้นมา ก็เหลือเพียง +6.6% เท่านั้น หรือขึ้นปีละ 3.3% เท่านั้น
ส่วนที่ตกเมื่อวานนี้ ถ้าลองดู Map ของ S&P500 จาก Finviz จะเห็นได้ว่าลดลงทุก Sectors ตกลงเกือบทุกบริษัท จนแทบจะหาที่ยังเขียวอยู่ไม่ได้ โดยหุ้น Tech ที่ว่าลดลงมากแล้ว สุดท้ายก็ยังลดลงต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Apple, Google, Amazon, Microsoft, Tesla, Nvidia แต่ที่นำตลาดจริงๆ คือหุ้นในกลุ่ม Consumer Defensive ที่ปรับลดลงมากเช่น Target (-24.93%), Costco (-12.45%), Walmart (-6.79%) ซึ่งปกติแล้ว จะเป็นหุ้นที่พอไปได้ในช่วงนี้ แต่ล่าสุด เงินเฟ้อที่มากขึ้น ที่ทำให้คนอเมริกันจ่ายค่าน้ำมันขณะนี้ ปีละ 5,000 เหรียญ เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่จ่ายเพียง 2,800 เหรียญ ทำให้เงินที่จะไปจับจ่ายใช้สอยในร้าน Super เหล่านี้ ลดลง และผู้บริโภคจึงเลือกที่จะบริโภคในสินค้าที่ถูกลง (Margin น้อย สำหรับร้านเหล่านี้) ส่วนสินค้าที่ premium มากขึ้น (Margin ดี) ก็ถูกซื้อลดลง และยังมีค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นอีกพอสมควร
ไม่น่าแปลกใจที่ผลประกอบการของ Retail Consumers อย่าง Target จึงออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ทุกคนกลัวกันต่อไปว่า นี่คือ สัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ที่กำลังจะมาถึงเพิ่มเติมกับเรื่อง เงินเฟ้อเอาไม่อยู่ และเฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยแรง พร้อมเร่งดูดสภาพคล่องกลับ ที่นักลงทุนกลัวกันมากอยู่แล้วแต่เดิม ซึ่งเมื่อ "กลัว" มาเจอกับ "กลัว" ตลาดก็ปั่นป่วนครับ