อิหร่านประท้วงยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 5 มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 ศพ ประธานาธิบดีโรฮานีอ้างเป็นการยั่วยุของศัตรูต่างชาติ
การประท้วงในอิหร่าน ยังคงยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 5 เมื่อวานนี้ หลังจากมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ศพในหตุการณ์ความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งครั้งนั้น ฝูงชนจำนวนมากออกมาชุมนุมตามท้องถนนเพื่อประณามชัยชนะในการเลือกตั้งของประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำในขณะนั้น
การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ กดดันบรรดาผู้นำรัฐศาสนาที่อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่การปฏิวัติอิสลาม ปี 2522 และตัวประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งนายโรฮานี กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อวานนี้ว่า ปัญหาของผู้ประท้วงไม่ใช่เป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าไม่มีประชาชนออกมาตามท้องถนนเพื่อบอกว่า พวกเขาต้องการเงิน ขนมปัง หรือน้ำดื่ม พวกเขามีข้อเรียกร้องอย่างอื่นด้วย
โรฮานี กล่าวด้วยว่า ศัตรูของอิหร่านโกรธแค้นที่อิหร่านประสบความสำเร็จทั้งระดับภูมิภาคและภายในประเทศ จึงแก้แค้นด้วยการยั่วยุให้เกิดการประท้วงขึ้น ผู้ประท้วงติดอาวุธพยายามที่จะยึดสถานีตำรวจและฐานทัพทหาร แต่ถูกขับไล่ออกไปได้โดยกองกำลังรักษาความมั่นคง
ทั้งนี้ ความรุนแรงปะทุขึ้นในเมืองมัชฮัด เมืองใหญ่อันดับ 2 เนื่องจากประชาชนไม่พอใจราคาสินค้าแพง แต่ก็ลุกลามอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นการชุมนุมประท้วงทางการเมือง ผู้ประท้วงบอกว่า พวกเขาไม่พอใจปัญหาการคอร์รัปชั่นและปัญหาเศรษฐกิจ ในประเทศ ซึ่งอัตราการว่างงานของหนุ่มสาวพุ่งสูงถึงร้อยละ 28.8 เมื่อปีที่แล้ว