"ชัยชนะ"รับปม "ปริญญ์" ทำ ปชป. เสียความนิยม แต่ไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลักความยุติธรรมต้องสูญเสียไป ยกคติพจน์พรรค "สจฺจํ เว อมตา วาจา" พิสูจน์ใครพูดจริงหรือใครหิวแสง
่เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 65 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงผลจากกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ถูกกล่าวหากรณีการล่วงละเมิดเพศ จนกระทบต่อภาพลักษณ์และคะแนนนิยมของ ปชป. ว่า ตั้งแต่มีการตั้งข้อสงสัยนายปริญญ์ก็ได้แสดงความรับผิดชอบ โดยการประกาศลาออกจากกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคนับตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา และยอมรับกระบวนการยุติธรรมให้ตรวจสอบความจริง จากนั้น พอมีสมาชิกพรรคบางราย ได้ทักท้วงว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้นำนายปริญญ์ เข้ามาภายในพรรค นายจุรินทร์ ก็ได้ยอมรับ และแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งประธาน 2 คณะ คือ คณะกรรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ เพื่อป้องกันข้อครหาในการใช้อิทธิพลในการบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดี รวมทั้ง พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ยึดมั่นในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และการต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศและความรุนแรงในทุกรูปแบบ มาโดยตลอด จะเห็นได้จากท่าทีของกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรครายหลาย ก็ให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น ถึงแม้ว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เสียความนิยมไปบ้าง แต่พรรคจะไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และหลักความยุติธรรม ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ต้องสูญเสียไปเป็นอันขาด
"ผมจึงอยากให้ผู้เป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ตั้งสติว่า กรณีที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีบางฝ่ายพยายามจะโยงไปให้ถึงตรงนั้น แต่เป็นเรื่องของส่วนบุคคลที่จะต้องมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้ ผู้กล่าวหาได้ใช้สิทธิทางกฎหมายในการประกันตัว และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย อีกทั้ง ทางพรรคก็ยืนยันว่า จะไม่แทรกแซงเพื่อช่วยเหลือให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นความผิด พร้อมทั้ง จะช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อตามความสมควร เพราะฉะนั้น ผมขอให้สมาชิกพรรค และประชาชนยึดมั่นว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการทางการเมืองโดยยึดมั่นอุดมการณ์และแนวทางอันทันสมัยของพรรค พร้อมเชื่อมั่นในพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า สจฺจํ เว อมตา วาจา คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย โดยเป็นคติพจน์ของพรรคในการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า ใครพูดจริงหรือใครพูดเพื่อสร้างราคาให้ตัวเองบนความทุกข์ของผู้อื่นหรือเรียกกันว่าหิวแสงด้วย"นายชัยชนะ กล่าว