"ศิธา" ลุยหัวลำโพงสำรวจการเดินทางของประชาชน คาดหลังสงกรานต์ มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้น จี้ภาครัฐเตรียมพร้อมด้านสาธารณสุขรับมือ ก่อนลงพื้นที่สำรวจเส้นทางน้ำใน กทม. ประกาศปรับโฉมคลอง กทม.ให้เป็นแก้มลิงและทางระบาย ชี้เครื่องสูบน้ำอุโมงค์ยักษ์ ระบบคลองในพื้นที่ มีศักยภาพที่สามารถระบายน้ำได้เพียงพอ หากมีการบริหารและเตรียมการที่ดี
เมื่อวันที่ 12 เม.ย.65 ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11พรรคไทยสร้างไทย พร้อม นายประภัสร์ จงสงวน ผอ.เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่พบป่ะ พี่น้องประชาชน ที่เข้ามาใช้บริการรถไฟ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา จากการสำรวจพบว่า ภายในอาคารผู้โดยสาร มีพี่น้องประชาชนรอรถไฟเป็นจำนวนมาก ตั๋วโดยสารโดยเฉพาะขบวนรถไฟสายไกล ถูกจองจนเต็มทั้งหมด และมีบางส่วนติดค้างอยู่ภายในสถานี ทำให้การเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีความประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในภาคใต้เกิดความล่าช้า
น.ต.ศิธา ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 คาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆมากกว่าหลายๆปีที่ผ่านมา เพราะภาครัฐ ได้ผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางและการท่องเที่ยว ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชน ที่ต้องเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยนี้ ศึกษาเส้นทางและวางแผนการเดินทางให้ดี โดยขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย ใช้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข และที่สำคัญงดดื่มสุราเครื่องดื่มมึนเมาระหว่างการเดินทาง
น.ต.ศิธา ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีพี่น้องประชาชนเดินทางนับล้านคน ไม่ว่าจะเป็น ด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถไฟ เครื่องบิน รถโดยสารสาธารณะ จึงทำให้เกิดความเสี่ยง ในการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 โดยช่วงหลังสงกรานต์ คาดการว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากภาครัฐไม่มีการเตรียมพร้อม มาตรการต่างๆให้ดี อาจเกิดปัญหาวิกฤตทางด้านสาธารณสุขอีกครั้งภาครัฐจะต้องเข้าใจสถานการณ์ และต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงข้อมูลข่าวสาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรตั้งจุดตรวจเอทีเค บริการประชาชน ฟรี ทั้งการเดินทางไปและกลับ โดยเฉพาะบุคคลที่ใช้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ รวมถึงภาครัฐต้องเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ โดยการเพิ่มจํานวนเตียงโรงพยาบาลสนาม ยารักษาโรคให้เพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วย และสายด่วน 1330 จะต้องมีความพร้อมเพียงพอ ต่อความต้องการของผู้ป่วย จัดพนักงานผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ไว้คอยดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง และทุกวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยไม่มีวันหยุด
จากนั้น น.ต.ศิธา พร้อมด้วยนายประเสริฐ ทองนุ่น ผู้สมัคร ส.ก.หมายเลข 3 เขตบางกะปิ และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผอ.กองการสื่อสาร พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่สถานีสูบน้ำ วัดบึงทองหลางและสถานีสูบน้ำนิด้า เขตบางกะปิ
น.ต.ศิธา กล่าวถึงการลงพื้นที่ ที่สถานีสูบน้ำคลองวัดบึงทองหลางและสถานีสูบน้ำนิด้า เขตบางกะปิและเขตวังทองหลางว่า คลองวัดบึงทองหลางเป็นจุดที่ กทม.ทุ่มงบประมาณสร้างระบบระบายน้ำจำนวนมาก แต่ไม่สามารถใช้การได้ หรือใช้งานได้น้อยมาก ซึ่งคลองวัดบึงทองหลาง เป็นคลองที่รับน้ำจากชุมชนและหมู่บ้านในเขตบางกะปิลงสู่คลองจั่น คลองแสนแสบ ก่อนลงอุโมงค์ยักษ์ ลงแม่น้ำเจ้าพระยาและออกสู่ทะเลตามลำดับ ที่สำคัญ ความต่างระดับพื้นที่ ไม่ได้สูงกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาและทะเลมากนัก ทำให้การระบายน้ำโดยอาศัยเพียงแรงโน้มถ่วงของโลกอาจไม่ทันการณ์ แม้มีเครื่องสูบน้ำแต่ไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ และมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการปัญหาขยะมูลฝอยในลำคลองหรือสถานีสูบน้ำ และการทำเขื่อนก็ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่มีความต่อเนื่องของโครงการ ขณะเดียวกันได้ เรียกร้องให้ กทม.ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาในจุดนี้ เพราะหากระบายหรือสูบน้ำในจุดนี้ได้ดี จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเขตบางกะปิและเขตใกล้เคียงได้ อย่างไรก็ตามการระบายน้ำในจุดคลองวังทองหลาง ไปจนลงแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งในส่วนที่ผ่านอุโมงค์ยักษ์ และในการระบายน้ำผ่านคลอง รวมทั้งระบบได้ราว 215 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่าเพียงพอต่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เกี่ยวข้อง ไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เพียงแต่ขอให้มีการบริหารจัดการที่ดี และเตรียมการให้เหมาะสม ก่อนที่ฝนจะมาเท่านั้น
น.ต.ศิธา เสนอว่า กลไกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ คือการพร่องระดับน้ำ เมื่อทราบจากพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตกในปริมาณที่อาจเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ได้ ต้องพร่องน้ำในคลองเตรียมไว้รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะเติมเข้ามาในคลอง ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาน้ำท่วมขัง หรือ น้ำรอระบาย บรรเทาเบาบางลงได้ ที่สำคัญจะมุ่งพัฒนาคลองให้มีหน้าที่ใน 2 ส่วนคือเป็นทั้งแก้มลิง และเป็นทั้งทางระบายน้ำ แทนที่น้ำจะท่วมขังในหมู่บ้าน ในถนนหรือในวัด ระหว่างรอการระบาย ก็จะไหลลงไปในคลองซึ่งพร่องน้ำรอไว้อยู่แล้ว