"ทิพานัน" ซัด "ปิยบุตร"ความคิดอันตราย ใช้ตรรกะแบบพวกนอกกฎหมาย ไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยยึดมั่นหลักนิติธรรม
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.65 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเรื่องต้องทำลายกรงขังทางกฎหมายที่ล้อมคอกนักการเมืองจนไม่กล้าทำอะไรโดยกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญ กฎหมาย กฎระเบียบที่ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบนักการเมือง ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ของนักการเมือง ว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นที่อันตราย มีการใช้ตรรกะแบบพวกนอกกฎหมายโดยมีการประดิษฐ์คำสวยหรูและเหตุผลประกอบที่ชวนเชื่อให้ประชาชนไม่เคารพกฎหมาย
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านายปิยบุตรไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยและยึดมั่นหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เป็นกฎเกณฑ์เพื่อกำหนดว่าบุคคลทุกคนตลอดจนรัฐบาลและสถาบันทุกสถาบันในชาติจำต้องปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐ เพราะเมื่อหลักนิติธรรมมีผลบังคับใช้ กฎหมายทั้งหมดที่ได้ออกมาใช้บังคับแก่ประชาชนจะเป็นหลักประกันได้ว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค เท่าเทียม และด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม ดังนั้นสิ่งนายปิยบุตรคิด จึงไม่ได้ยึดหลักคนเท่ากันตามที่ชอบกล่าวอ้าง นายปิยบุตรกำลังปลุกปั่นนักการเมืองให้ฝ่าฝืนหลักนิติธรรมและกำลังให้อภิสิทธิ์นักการเมืองเหนือประชาชนกลุ่มอื่นหรือไม่ จึงอยากถามนายปิยบุตรว่าทำไมนักการเมืองถึงมีอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น ทำไมคนไม่เท่ากัน ทำไมส่งเสริมให้นักการเมืองทำลาย กรงขังทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบการทำงานและการทุจริตคอร์รัปชัน หรือว่านายปิยบุตรฝักใฝ่หลักกูมากกว่าหลักการจึงเห็นว่า Rule by Law ที่นายปิยบุตรกำลังสร้างขึ้นมานั้นมีความชอบธรรมมากกว่าหลักนิติธรรม Rule of Law ที่รัฐไทยกำลังยึดมั่นอยู่
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ความสร้างสรรค์ของนักการเมืองที่นายปิยบุตรกล่าวอ้างนั้นไม่ใช่เหตุผลสมควรเพียงพอที่นักการเมืองจะใช้อภิสิทธิ์หลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบได้ ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลกยอมรับเหตุผลนี้ รัฐธรรมนูญและกฎหมายไทยที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบนักการเมืองและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ของนักการเมือง แต่เป็นการยึดหลักตามมาตรฐานสากลในหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ หรือ Check and Balance ที่ประเทศไทยและรัฐธรรมนูญไทยก็มีหลักการมาตรฐานเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศชั้นนำด้านประชาธิปไตย เป็นหลักสากล โดยหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเป็นหลักการสากลตามรัฐธรรมนูญที่รักษาสมดุลอำนาจผ่านการแบ่งแยกอำนาจออกเป็น 3 ส่วน คือฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ แต่ละฝ่ายจะมีอำนาจที่แตกต่างกันและคอยคานอำนาจซึ่งกันและกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดมีอำนาจมากเกินไป การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายของบ้านเมืองไม่ใช่การกระทำที่สร้างสรรค์ ขอให้นายปิยบุตรระมัดระวังในการเสนอความคิดเห็น นักการเมืองที่ดีควรมีหลักการที่ถูกต้องและควรใช้วิจารณญาณในการรับฟังและทำตาม