"สมชาย"ยัน กมธ.เดินหน้าสางคดี "แตงโม"ต่อไป เผยพบข้อมูลเชื่อมโยงบุคคลนอกเรือให้คำปรึกษา
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.65 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นประธาน กมธ. นได้ประชุม กมธ.เพื่อพิจารณา เรื่องการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ในการสอบหาข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิต "แตงโม" ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ โดยได้เชิญ ผอ.สำนักกฎหมาย และผู้บังคับบัญชากลุ่มงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานวุฒิสภา เข้าให้ข้อมูล
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ที่ประชุมจะพิจารณาภายหลังที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของน.ส.ภัทรธิดา ขอถอนเรื่องออกจาก กมธ.ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ขอชี้แจงว่าที่กมธ.รับเรื่องนั้นได้พิจารณาใน 2 ประเด็นคือ ไม่ใช่เรื่องบุคคลธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่กระทบต่อสาธารณะ และกระทบความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งสังคมและสื่อมวลชนให้ความสนใจ และมีข้อสงสัยเป็นจำนวนมาก ยืนยันว่าเราจะทำงานต่อ ส่วนวันนี้จะพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อในรูปแบบใดและอย่างไร ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อแน่นอน เพราะขณะนี้เราได้พยานหลักฐานมาบางส่วนแล้ว เช่น กล้องวงจรปิดที่ได้มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผลการผ่าชันสูตรศพทั้ง 2 ครั้งที่ได้มาตั้งแต่ต้น มีเจ้าหน้าที่ของเราไปบันทึกข้อมูลไว้หมด
"ผมคิดว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ และเราจะทำหน้าที่ติดตาม ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นดับเบิ้ลเช็คให้สังคม และคงจะไม่ไปสั่งการหรือแทรกแซง ขอให้ตำรวจทำสำนวนได้อย่างสบายใจ เพราะต้องการให้เกิดความเชื่อมั่นในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของตำรวจด้วย พร้อมยืนยันว่าเราจะดำเนินการต่อ แม้แม่แตงโมจะถอนเรื่องไปแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับแม่ของแตงโม เห็นแต่การแถลงข่าว ส่วนหลังไมค์นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของมารดาน.ส.ภัทรธิดา ก็พูดกับผมว่ากมธ.จะทำอะไรเขาไม่ได้ติดใจ แต่ในเมื่อเขามีหน้าที่มาถอนก็ถอน ซึ่งหลายเรื่องที่ทนายเดชาแถลงก็ใกล้เคียงกับข้อมูลที่เรามีอยู่” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ากรณีนี้จะมีผู้ที่ต้องเปลี่ยนสถานะแน่นอน นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทั้ง 5 คนบนเรือหรือไม่ อาจจะเป็นคนใหม่ หรือคนเดิมที่ถูกเพิ่มข้อหา ซึ่งขณะนี้ถูกตั้งข้อหาไปแล้ว 3 คน ที่เหลือก็สามารถกันเป็นพยานได้ถ้าให้ความร่วมมือ แต่หากไม่ให้ความร่วมมือต้องแจ้งให้ทราบว่ามีความผิดตามกฎหมาย เช่น การให้การเป็นพยานเท็จ การพยายามทำลายหลักฐาน หรือแม้กระทั่งไปเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ส่วนบุคคลที่เป็นให้คำแนะนำก็ต้องดูว่าเป็นปกติหรือเพื่อปกปิด เพราะถ้าปกติสามารถทำได้แต่หากเป็นปกปิดก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้เราก็ไม่ทราบ ต้องสอบพยานดู
นายสมชาย กล่าวยอมรับว่า จากการสอบสวนของ กมธ.พบความเชื่อมโยงของบุคคลนอกเรือ โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีให้ข้อมูลกับ กมธ. ว่า มีที่ปรึกษา ซึ่งเดิมจะให้พามามอบตัว อาจจะเป็นคนแนะนำหรือไม่ก็ตามแต่มีบุคคลภายนอกแน่นอน เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีเหตุก็ต้องมีคนเข้าไปช่วย แต่จะช่วยแบบไหนก็ตาม คิดว่าขณะนี้ตำรวจสอบไปแล้ว แต่ยังไม่ระบุว่ากี่คนและไม่ได้บอกว่าเป็นนักกฎหมาย อดีตข้าราชการหรือข้าราชการปัจจุบัน และเราไม่ได้ซักถามโดยละเอียดแต่ข้อมูลในโทรศัพท์ของพยานและผู้ต้องหาในคดีมีครบ ไม่ว่าจะการโทรศัพท์เข้าออกที่เราสามารถสืบได้อยู่แล้ว รวมถึงภาพที่อยู่ในเครื่องที่สามารถกู้คืนได้ แม้มีการลบทิ้งบางส่วน