เจนีวา, 31 มี.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (30 มี.ค.) ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 มีแนวโน้มเกิดการกลายพันธุ์อีกเนื่องจากยังคงเกิดการแพร่ระบาดทั่วโลก แต่จะมีความรุนแรงลดลงเนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ผู้คนได้รับจากการฉีดวัคซีนและจากการติดเชื้อ
ทีโดรสยกตัวอย่าง 3 สถานการณ์ที่เป็นไปได้ว่าการแพร่ระบาดจะดำเนินไปอย่างไรในปีนี้ โดยเขาเตือนว่าอาจมีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นประปรายหากเมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งอาจต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสกระตุ้นให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยงเป็นระยะ
ทีโดรสระบุว่าสถานการณ์ในแง่ดีที่สุด อาจมีเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ใหม่ๆ ที่รุนแรงน้อยกว่าอุบัติขึ้น และไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสกระตุ้น หรือวัคซีนสูตรใหม่ๆ
สำหรับสถานการณ์ในแง่ร้ายที่สุด อาจเกิดเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ที่รุนแรงมากขึ้นและแพร่เชื้อได้สูง และทำให้การป้องกันโรคที่ร้ายแรงและการเสียชีวิตของผู้คนไม่ว่าจะจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อก่อนหน้านี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว
ทีโดรสเน้นย้ำคำแนะนำของเขาให้หลายประเทศทั่วโลกยับยั้งการแพร่ระบาดระยะร้ายแรงในปี 2022 โดยการดำเนินงานลำดับแรกควรเป็นการเฝ้าระวังทาง ห้องปฏิบัติการ และข่าวกรองสาธารณสุข ลำดับสองเป็นการฉีดวัคซีน มาตรการทางสาธารณสุขและสังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชน
ลำดับต่อมาเป็นการดูแลรักษาทางคลินิกสำหรับโรคโควิด-19 และระบบสุขภาพที่ยืดหยุ่น และลำดับที่สี่ ได้แก่การวิจัยและพัฒนา การเข้าถึงเครื่องมือและอุปกรณ์อย่างเท่าเทียม สุดท้ายคือการประสานงานเมื่อการตอบสนองเปลี่ยนจากรูปแบบฉุกเฉินไปเป็นการจัดการโรคระบบทางเดินหายใจในระยะยาว
ทีโดรสย้ำว่าการฉีดวัคซีนป้องกันอย่างเท่าเทียมยังคงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการช่วยชีวิตผู้คน อย่างไรก็ดี ขณะประเทศที่มีรายได้สูงเริ่มฉีดวัคซีนเข็มสี่ให้กับประชากรของตน ยังคงมีประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโดสแรกมากถึงหนึ่งในสามของประชากรโลก ซึ่งรวมถึงร้อยละ 83 ของประชากรในแอฟริกา
ทีโดรสทิ้งท้ายว่าประเด็นข้างต้นเป็นที่ยอมรับไม่ได้ โดยเขาให้คำมั่นว่าจะรักษาชีวิตผู้คนผ่านการรับรองว่าทุกคนจะเข้าถึงการตรวจโรค การรักษา และวัคซีนป้องกันโรค