"ศิริกัญญา" ติง 10 มาตรการไม่ใช่ช่วยแบบขอไปที

2022-03-23 17:53:01

"ศิริกัญญา" ติง 10 มาตรการไม่ใช่ช่วยแบบขอไปที

Advertisement

"ศิริกัญญา" ติง 10 มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชนไม่ใช่ช่วยแบบขอไปที

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 65 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล  กล่าวถึง 10 มาตรการเร่งด่วนช่วยประชาชนที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่า  เป็นการรับสารภาพว่า รัฐบาลเงินหมดหน้าตัก ไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรได้ถึงเดือน พ.ค. ตามที่เคยให้สัญญาไว้ และจะสิ้นสุดการตรึงราคาสิ้นเดือนเม.ย.นี้ รวมถึงจะทยอยขึ้นราคาก๊าซหุงต้มตามมา จึงออกมาตรการช่วยเหลือแบบกะปริบกะปรอยแก้ขัด ส่วนใหญ่เป็นการต่ออายุมาตรการเดิม ก้อนใหญ่สุดคือลดเงินสมทบประกันสังคม แต่รัฐบาลไม่ยอมใช้คืนกองทุน ทำสถานะการเงินกองทุนกระง่อนกระแง่น เสี่ยงขาดทุนเร็วขึ้น  การเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลตามมาตรการข้อ 7 ต้องไม่ปล่อยลอยตัวทันที เพราะจะเท่ากับลอยแพประชาชน ราคาจะปรับขึ้นไปประมาณ 10 บาททันที จะกระทบกับประชาชนอย่างหนัก และเศรษฐกิจอาจจะหยุดชะงักได้ จึงต้องสอบถามทางรัฐบาลว่าจะมีแนวทางการปรับราคาดีเซลขึ้นอย่างไร

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สำหรับก๊าซหุงต้ม ที่รัฐบาลยอมรับว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นเช่นกัน มาตรการช่วยเหลือเน้นไปที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งที่เป็นคนทั่วไป (100 บาทต่อ 3 เดือน) และผู้ค้าหาบเร่แผงลอย (100 บาท/เดือน) ก็เป็นเพียงการต่ออายุมาตรการเดิมที่เคยได้รับการอุดหนุนจากกลุ่ม ปตท. ที่สิ้นสุดลงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว ยังไม่ครอบคลุมด้วย เพราะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน เป็นฐานรายชื่อที่ลงทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2560 หลังเกิดวิกฤตโควิดมีคนจนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่ยังไม่เคยมีการอัพเดทฐานข้อมูลอีกเลย

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ส่วนการลดเงินสมทบประกันสังคมที่จะช่วยให้ผู้ประกันตนเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้ แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่เคยชดใช้เงินคืนกองทุนประกันสังคมเลย ขณะนี้เงินกองทุนน่าจะหายไปกว่าแสนล้านบาท ทั้งจากการลดเงินสมทบ ทั้งที่ควักกระเป๋าจ่ายแทนรัฐบาล กรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยจากมาตรการล็อกดาวน์ สถานะกองทุนประกันสังคมจึงกระง่อนกระแง่น เสี่ยงจะล้ม หากรัฐบาลต้องการช่วยค่าครองชีพผ่านช่องทางนี้ ควรต้องเติมเงินสมทบให้กองทุนด้วยเพราะเป็นเงินของผู้ประกันตนในยามเกษียณไม่ใช่เงินงบประมาณจากภาษีของคนทั้งประเทศ   การเปลี่ยนจากการตรึงราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม มาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องช่วยให้ได้น้ำได้เนื้อ บรรเทาภาระค่าครองชีพได้จริง ไม่ใช่ช่วยแบบขอไปที เพราะเศรษฐกิจของประเทศคงฟื้นตัวไม่ได้จริง หากกำลังซื้อยังถูกกดไว้ด้วยค่าครองชีพที่แพง แต่ค่าแรงไม่ขึ้น จึงหวังว่าการแถลงของกระทรวงการคลังที่กำลังจะมีขึ้น จะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จะช่วยเหลือประชาชนได้จริง