"ภาดาท์"ห่วงควบรวม 2 ค่ายมือถือกระทบประชาชน ดัน กมธ.วิสามัญเตรียมยื่นเสนอ ครม.พิจารณาหาทางออก
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่าง ธุรกิจทรูและดีแทค และการค้าปลีกค้าส่ง สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้ข้อสรุปในที่ประชุม กมธ.วิสามัญ ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการควบรวมธุรกิจทรู และดีแทค ซึ่งทั้งสองหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้ตามอำนาจที่มีอยู่ โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุว่าไม่มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการควบรวมธุรกิจ ของทั้งสองบริษัท ขณะที่คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค) ชี้แจงว่า พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 บัญญัติมิให้ใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าแก่การกระทำธุรกิจที่มีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานเฉพาะ (sector regulator) ซึ่งจากแนวทางที่เกิดขึ้น กมธ.วิสามัญมีความห่วงใย และมีข้อกังวลต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ที่อาจทำให้เกิดการผูกขาด และไม่มีการแข่งขันด้านราคาจากกรณีดังกล่าว ในฐานะเลขานุการ กมธ.วิสามัญได้เสนอต่อที่ประชุมให้นำข้อกังวลที่เกิดขึ้น จากการที่ไม่มีหน่วยงานรองรับ และกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมให้เกิดการแข่งขันเป็นไปตามกลไกตลาด ที่ประชาชนควรได้รับประโยชน์สูงสุด ได้เสนอให้ กมธ.วิสามัญ นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบในแนวทางนี้ร่วมกันที่ดำเนินการในการเสนอครม.ในขั้นตอนต่อไป
น.ส.ภาดาห์ กล่าวว่า ทั้งนี้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกระบบ ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของประชาชน ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการประกอบอาชีพของทุกกลุ่ม จึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่ กมธ.วิสามัญให้ความสำคัญ หากการควบรวมกิจการประสบความสำเร็จ อาจส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เพราะปัจจุบันค่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่รายใหญ่มีเพียง 3 ค่าย หากมีการลดลงเหลือ 2 ค่าย อาจทำให้การกำหนดราคาไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคได้