"มัลลิกา" กระทุ้ง "สำนักงบ-สภาพัฒน์" ดูข้อเท็จจริงปมราคาปุ๋ย

2022-03-15 12:06:12

"มัลลิกา" กระทุ้ง "สำนักงบ-สภาพัฒน์" ดูข้อเท็จจริงปมราคาปุ๋ย

Advertisement

"มัลลิกา" กระทุ้ง "สำนักงบประมาณ-สภาพัฒน์" ดูข้อเท็จจริงสถานการณ์โลก ประกอบความคิดเห็นปมราคาปุ๋ย

เมื่อวันที่ 15  มี.ค.  นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและราคาปุ๋ยอย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีรายงานแจ้งว่าสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย มีหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับราคาขายปุ๋ยเคมีโดยอ้างถึงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ต้นทุนนำเข้าปุ๋ยปรับสูงขึ้น เช่น ราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศนั้น นายจุรินทร์ให้ประเมินข้อมูลต้นทุนและราคาก่อนและให้ประเมินมาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งประสานงานกับทุกกระทรวงและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ข้อสั่งการนี้ดำเนินมาทุกระยะไม่เฉพาะมีเหตุแห่งสถานการณ์วิกฤตนี้เท่านั้น เนื่องจากระยะสองปีที่ผ่านมาเรามีโครงการปุ๋ยลดราคาเพื่อเกษตรกรและให้เป็นแนวความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ประกอบการและสมาคม

นางมัลลิกา กล่าวต่อว่า การอนุญาตให้ปรับราคาจำหน่ายปุ๋ยหรือไม่จะต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไปโดยคำนึงถึงต้นทุนวัตถุดิบปุ๋ยในตลาดโลกที่สูงขึ้น ผลกระทบต่อพี่น้องเกษตร และแนวทางเยียวยาผลกระทบ ควบคู่กันไป ดังนั้นการแก้ปัญหาจะไม่ใช่แค่ลำพังกระทรวงพาณิชย์

"ถึงตรงนี้เรื่องเกี่ยวกับงบประมาณคงต้องหารือเพราะ 2 หน่วยงานที่ไม่ใช่สังกัดกระทรวงพาณิชย์ คือ สำนักงบประมาณและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ มีความเห็นที่ติดขัดเรื่องนี้โดยในส่วนของงบชดเชยนั้นภาวะวิกฤตต้องขอใช้งบกลาง แต่สำนักงบประมาณก็บอกว่าไม่ใช่หน้าที่กระทรวงพาณิชย์ทั้งที่นายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงพาณิชย์ เราจึงบูรณาการประสานให้กระทรวงเกษตรฯเสนอตามข้อแนะนำสำนักงบฯซึ่งกระทรวงเกษตรก็เสนอแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการอำนวยการจากสำนักงบประมาณ และเมื่อพิจารณาใช้งบเงินกู้ก็ติดขัดความเห็นของสภาพัฒน์ฯที่แย้งว่าการขอใช้เงินชดเชยให้เกษตรกรที่ซื้อปุ๋ยนั้นไม่ตรงกับจุดประสงค์ของการใช้งบประมาณ ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องหาทางออกให้เกษตรกรและทุกฝ่ายซึ่งนายจุรินทร์จะได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป " นางมัลลิกา กล่าว

นางมัลลิกา กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะต้องช่วยวิกฤตตรงนี้แก้ให้ตรงจุดและดูจากข้อเท็จจริงต้นทุนราคา แต่ก่อนหน้านี้คือตอนที่ไม่มีวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน เราช่วยเกษตรกรซึ่งเราช่วยมาโดยตลอดโดยการลดราคาปุ๋ยซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการสมาคมและทุกฝ่ายมา 2 ปีโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินแต่พอเดินหน้าในปีที่ 3 นี้มันมีวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนเข้ามากระแทกซ้ำโดยกระทรวงพาณิชย์อยู่ปลายน้ำ คือ สถานการณ์ราคา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ต้องสะท้อนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและบูรณาการในหน่วยงานซึ่งสังกัดกระทรวงการคลังและสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย

นางมัลลิกา กล่าวว่า จากสถิติ ไทยนำเข้าปุ๋ยเรานำเข้าจากจีนมากที่สุด ร้อยละ 22.5 ซาอุดีอาระเบีย ร้อยละ 14.6 มาเลเซีย ร้อยละ 8.8 และรัสเซีย ลำดับที่ 4 ร้อยละ 7.7 ตอนนี้ทางมอสโกและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรายงานสถานการณ์โลกที่อัพเดทรายวัน ทางเราก็ต้องใช้เป็นข้อมูลที่ต้องเข้าสู่กระบวนการตัดสินใจร่วมทุกฝ่าย