"ณัฐธ์ภัสส์"ลั่นไม่เลิกใช้นามสกุล "ยงใจยุทธ" ยันไม่เคยทำให้เสื่อมเสีย ชี้คนห้ามละเมิดสิทธิตาม รธน.
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 มี.ค.65 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.ศกลวรรณ ชัยภักดี หัวหน้ากลุ่มงานบริการประชาชน ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เพื่อผ่านไปถึง น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ หรือ "น้ำผึ้ง" กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรณีที่ได้รับการบอกกล่าวด้วยวาจาจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นเจ้าของชื่อสกุลยงใจยุทธ ให้ทำหนังสือแจ้งให้ทราบว่า พล.อ.ชวลิตมีความประสงค์ให้เลิกใช้นามสกุลยงใจยุทธตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยให้เวลาเปลี่ยนชื่อสกุลภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ หากพ้นกำหนดแล้วจะได้มอบให้ ดร.เกษม ศุภสิทธิ์ ทนายความดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว และไม่ทราบรายละเอียดของเนื้อหาทั้งหมดอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ตนทำงานการเมืองและดูแลช่วยเหลือประชาชน ทั้งในนามอดีตผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม และข้าราชการการเมือง ในส่วนของกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้ตั้งใจทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ และไม่เคยมีทำพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสีย หรือความเสียหายต่อองค์กร รวมถึงต้นตระกูล รวมถึงไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในทางทุจริตต่อหน้าที่
“การทำงานที่ผ่านมา ไม่ว่าในฐานะใด มีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ดิฉันมุ่งมั่นทำงานด้วยหัวใจ เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนให้อยู่ดี กินดี ไม่เคยแอบอ้าง หรือใช้ชื่อเสียง หรือนามสกุลเพื่อทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร หรือทำผิดกฎหมาย ตำแหน่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นตำแหน่งทางการเมืองชั่วคราว มาแล้วก็ไป แต่นามสกุลที่ใช้ ทุกคนในสังคมรู้ที่มาที่ไปอย่างดี ส่วนประเด็นที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัวที่เกิดขึ้นก่อนรับตำแหน่ง”น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ กล่าว
น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ กล่าวด้วยว่าภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นกติกาหลักของประเทศ ได้บัญญัตติรับรองสิทธิสตรีให้มีความเสมอภาคทางกฎหมาย และได้รับความคุ้มครอง ไม่ให้ถูกเลือกปฏิบัติ และตาม ปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ยังรับรองสิทธิของสตรีต่อการเลือกใช้ชื่อสกุล และคำนำหน้านามได้ว่าจะสามารถเลือกใช้นามสกุลตัวเองหลังสมรสได้ รวมถึงเลือกใช้นามสกุลมารดาเป็นนามสกุลของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นการห้ามผู้มีสิทธิโดยชอบใช้นามสกุลเป็นการละเมิดสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญของประเทศไทยรับรองไว้ รวมถึงอนุสัญญาของต่างประเทศด้วย นอกจากนั้นสตรีที่รักษาและสร้างเกียรติยศดีงามแก่วงศ์ตระกูล จึงไม่มีอำนาจใดที่จะชี้ขาดห้ามใช้ชื่อสกุลได้