สธ. ให้บริการ "เจอ แจก จบ"ช่วยผู้ป่วยโควิด กทม.7,839 ราย

2022-03-11 04:30:21

สธ. ให้บริการ "เจอ แจก จบ"ช่วยผู้ป่วยโควิด กทม.7,839 ราย

Advertisement

สธ. ให้บริการ "เจอ แจก จบ"ช่วยผู้ป่วยโควิด กทม. 7,839 ราย ครึ่งหนึ่งมีอาการน้อยให้เพียงยาตามอาการ



เมื่อวันที่ 10 มี.ค  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเพิ่มบริการผู้ติดเชื้อโควิด 19 แบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ว่า ขณะนี้ผู้ติดเชื้อ ให้ความร่วมมืออย่างดีและสนใจเข้ารับบริการมากขึ้น ซึ่งการที่ประชาชนเข้ามารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก แสดงให้เห็นว่าเราสามารถให้การดูแลผู้ติดเชื้อได้ และช่วยให้ระบบสาธารณสุขมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากสามารถบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการ หรือผู้ป่วยโรคอื่นเพิ่มเติมได้ โดยกรมการแพทย์ได้ประสานโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ร่วมให้บริการด้วยแห่งละ 200-300 รายต่อวัน ทำให้ปัญหาผู้ติดเชื้อของสายด่วน 1330 ลดลงไปได้อีกส่วนหนึ่ง


ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 แบบผู้ป่วยนอกและแยกกักที่บ้าน “เจอ แจก จบ” กระทรวงสาธารณสุขสั่งการให้จัดเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกในการรับบริการ นอกเหนือจากการดูแลที่บ้านหรือชุมชน (HI/CI) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 และได้ให้โรงพยาบาลใน 14 จังหวัดรอบ กทม. เพิ่มกำลังการบริการในคลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) แบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ด้วย เพื่อช่วยดูแลผู้ติดเชื้อโควิด 19 อาการสีเขียวในพื้นที่ กทม.ที่ยังตกค้างจำนวนมาก รองรับได้วันละ 1.8 หมื่นคน โดยตั้งแต่วันที่ 4-8 มีนาคม 2565 มีโรงพยาบาลให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 21 แห่ง เป็น 50 แห่ง ผู้ติดเชื้อเข้ารับบริการรวม 7,839 ราย (4 มี.ค. 1,179 ราย, 5 มีนาคม 574 ราย, 6 มี.ค. 542 ราย, 7 มี.ค.  3,205 ราย และ 8 มี.ค. 2,339 ราย) 64% เป็นผู้ป่วยในสิทธิบัตรทอง รองลงมา 16% เป็นสิทธิประกันสังคม มีการจ่ายยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ 50% ยาฟาวิพิราเวียร์ 28% และยาฟ้าทะลายโจร 22% ซึ่งภาพรวมประชานมีความพึงพอใจในการรับบริการ และช่วยลดการโทรเข้าสายด่วน 1330 จากวันละ 70,000 สายเหลือ 50,000 สาย ทำให้มีสายตกค้างลดลง สำหรับสถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในระดับทรงตัว มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณวันละ 2 หมื่นราย โดยวันนี้รายงาน 22,984 ราย รักษาหายเพิ่ม 24,161 ราย เสียชีวิต 74 ราย อยู่ระหว่าง การรักษา 220,334 ราย สำหรับผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น เป็นไปตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น เพราะแม้สายพันธุ์โอมิครอนจะมีความรุนแรงลดลง แต่เมื่อมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากก็มีโอกาสที่จะแพร่ไปสู่กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้มากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ที่สำคัญคือยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของการป่วยได้ จึงขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนตามกำหนด และหากรับครบ 2 เข็มเกิน 3 เดือนแล้ว ขอให้รีบมารับเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ที่จะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา พบปะรวมตัวกันในครอบครัว หากได้รับวัคซีนและเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา จะช่วยลดความเสี่ยงการติดและแพร่เชื้อในครอบครัวได้อย่างมาก