บรัสเซลส์, 9 มี.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (8 มี.ค.) คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศถึงแผนปรับลดอุปสงค์ก๊าซจากรัสเซียของสหภาพยุโรป (EU) ลงสองในสามส่วน ก่อนสิ้นปี 2022 และคาดว่าจะเลิกพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลจากรัสเซียได้ก่อนปี 2030
แผนดังกล่าวชื่อว่า “รีพาวเวอร์อียู” (REPowerEU) จะแสวงหาแหล่งก๊าซที่หลากหลายเพื่อรับมือกับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและความไม่แน่นอนของอุปทานในปัจจุบัน
ฟรานส์ ทิมเมอร์แมนส์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ผู้รับผิดชอบนโยบายข้อตกลงสีเขียว (Green Deal) ระบุว่าถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจะจัดการกับจุดอ่อนของภูมิภาคและพึ่งพาผู้อื่นให้น้อยลงอย่างรวดเร็วในด้านพลังงาน พ้อมเสริมว่ายุโรปควรเร่งการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีราคาถูก สะอาด และเป็นแหล่งพลังงานที่อาจใช้ได้แบบไม่มีวันหมด แทนการให้เงินทุนกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลของภูมิภาคอื่นๆ
แผนดังกล่าวยังระบุถึงมาตรการหลายประการที่มุ่งรับมือราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในยุโรป และการเพิ่มปริมาณก๊าซสำรองสำหรับฤดูหนาวถัดไป
อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่ายุโรปต้องเลิกพึ่งพาน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซของรัสเซีย และจำเป็นต้องดำเนินงานโดยทันทีเพื่อบรรเทาผลกระทบของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น เดินหน้ากระจายแหล่งก๊าซของยุโรปสำหรับฤดูหนาวถัดไป และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด
แคดรี ซิมสัน หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการพลังงานแห่งสหภาพยุโรป ระบุว่ายุโรปมีปริมาณก๊าซเพียงพอสำหรับสัปดาห์ที่เหลือของฤดูหนาวนี้ พร้อมย้ำว่าจำเป็นต้องเติมปริมาณก๊าซสำรองสำหรับปีหน้าอย่างเร่งด่วน
ซิมสันระบุว่าคณะกรรมาธิการจะเสนอให้มีการเติมพลังงานในแหล่งกักเก็บก๊าซของสหภาพยุโรปให้แตะอย่างน้อยร้อยละ 90 ภายในวันที่ 1 ต.ค. รวมถึงยังได้กำหนดกฎระเบียบเกี่ยวกับราคา ความช่วยเหลือจากรัฐ และมาตรการด้านภาษีเพื่อปกป้องครัวเรือนและธุรกิจในยุโรปจากผลกระทบของราคาที่สูงผิดปกติ