กรมอนามัยห่วงขยะติดเชื้อจากโควิดพุ่ง

2022-03-09 15:35:41

กรมอนามัยห่วงขยะติดเชื้อจากโควิดพุ่ง

Advertisement

รองอธิบดีกรมอนามัยห่วงขยะติดเชื้อจากโควิดพุ่งตกค้างในหลายพื้นที่  จับมือกรมโรงงานอุตสาหกรรม ท้องถิ่นเพิ่มเตาเผา 11 แห่ง รองรับการกำจัดขยะ 1,189 ตันต่อวัน

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.  นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในการแถลงข่าว “การบริหารจัดการและแนวปฏิบัติในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อภายใต้การแพร่ระบาดโรคโควิด-19” ว่า จากกรณีที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น การดูแลตัวเองที่บ้าน ที่ชุมชน (HI/CI) รวมถึงมีการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK รวมถึงหน้ากากอนามัยส่งผลให้มีปริมาณขยะติดเชื้อจากโควิดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีขยะมากที่สุดในเดือน เม.ย.นี้ เฉลี่ยประมาณ 789 ตันต่อวัน ขณะที่ศักยภาพระบบการกำจัดรวมมูลฝอยติดเชื้อในภาพรวมประเทศอยู่ที่ 342.3 ตันต่อวัน ทำให้เกิดขยะติดเชื้อตกค้างในหลายพื้นที่ ดังนั้นกรมอนามัยจึงประสานความร่วมมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เทศบาลนครนนทบุรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำจัดขยะติดเชื้อจากโควิด ทำให้ขณะนี้มีสถานที่กำจัดขยะเพิ่มขึ้น 11 แห่ง กำจัดได้ 1,189 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับระบบกำจัดมูลฝอยติดเชื้อเดิม ทำให้สามารถกำจัดขยะติดเชื้อได้ 1,532 ตันต่อวัน เพียงพอต่อการกำจัดขยะที่เกิดขึ้นในภาพรวม ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ประชาชนใช้วิธีฝังกลบ หรือเผาเอง ขอให้คัดแยกและนำส่งเทศบาลไปกำจัดอย่างถูกต้อง ส่วนบางชุมชนที่จะเผาในเตาเผาศพนั้นหากเป็นประเภท 2 เตาสามารถทำได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องทำความเข้าใจกับชุมชนให้ดี เพราะเกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนด้วย อย่างไรก็ตามเตาเผาศพไม่ได้ออกแบบมาใช้เพื่อการเผาขยะ ไม่ได้มีการควบคุมอุณหภูมิแบบเดียวกัน

นพ.อรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับการคัดแยกขยะมี 2 ส่วน คือ 1.มูลฝอยที่ไม่ได้ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือ สารคัดหลั่ง เช่น เอกสารกำกับชุดตรวจ และกล่องบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ขยะประเภทนี้ให้เก็บรวบรวมทิ้งถังขยะทั่วไปที่มีฝาปิดมิดชิด 2.มูลฝอยที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่ง เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ภาชนะใส่อาหารพร้อมบริโภค (แบบใช้ครั้งเดียว) และชุดตรวจ ATK (ตลับหรือแผ่นทดสอบ หลอดใส่น้ำยา ฝาหลอดหยด ไม้ Swap) เป็นต้น ถือเป็นมูลฝอยที่มีความเสี่ยงสูง ให้แยกจัดการเป็นมูลฝอยติดเชื้อ เพราะมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อโรคได้ ส่วนการกำจัด แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1.กรณีในพื้นที่หรือชุมชน มีระบบการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อ ให้เก็บรวบรวมแล้วเคลื่อนย้ายไปไว้ยังจุดพักขยะที่จัดไว้เฉพาะ ก่อนนำมูลฝอยติดเชื้อไปกำจัดอย่างถูกต้อง 2. กรณีในพื้นที่ที่ระบบการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อไม่สามารถเข้าถึงได้ให้ทำลายเชื้อก่อนนำไปกำจัดเป็นมูลฝอยทั่วไป

นายภัทรพล ลิ้มภักดี ผอ.กองบริหารงานอนุญาตโรงงาน 2 กรมแรงงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2564 ให้มีการนำขยะมูลฝอยติดเชื้อจากโควิดมาเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เป็นการชั่วคราว อาทิ โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานกำจัดขยะเฉพาะ รวมกำลังการกำจัดขยะติดเชื้อมากถึง 750 ตันต่อวัน ซึ่งจากข้อมูลสรุปจนถึงเดือนม.ค.ที่ผ่านมามีการกำจัดขยะติดเชื้อจากโควิดแล้ว 9,235.29 ตัน ถือว่าช่วยบรรเทาปัญหาขยะติดเชื้อจากโควิดติดเชื้อได้จำนวนมาก ทั้งนี้โรงงานที่จะเข้ามาร่วมจะต้องสามารถทำลายมูลฝอยติดเชื้อได้ด้วยความร้อน อุณหภูมิ 760 องศาเซลเซียส และทำลายอากาศเสียด้วยความร้อนในอุณหภูมิ ไม่ต่อกว่า 1,000 องศาเซลเซียส สามารถควบคุมอากาศที่ปล่อยออกมาได้ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

นายวิศิษฐ์ ประยูรสวัสดิ์เดช รองปลัดเทศบาลนครนนทบุรี กล่าวว่า จ.นนทบุรีเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีขยะติดเชื้อจากโควิดมาจากสถานที่กักตัวทางเลือก เรือจำที่ใช้กักตัว ศูนย์พักคอย รวมๆ วันละประมาณ 1 ตัน นอกจากนี้ยังมีขยะติดเชื้อจากผู้ติดเชื้อดูแลตัวเองที่บ้าน และที่ชุมชน (HI/CI) เฉลี่ยวันละประมาณ 2,000 กิโลกรัม จึงได้มีการประสานกับหน่วยงานกำจัดขยะเพื่อขอรถมาเก็บขยะติดเชื้อจากโควิดเฉพาะ 4 คัน และของดเว้นค่าจัดเก็บและงดเว้นค่าทำลายขยะติดเชื้อดังกล่าวด้วย ดังนั้นในจังหวัดอื่นสามารถประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อของดเว้นค่าธรรมเนียมจัดเก็บและค่าทำเนียมทำลายขยะได้ อย่างไรก็ตามปัญหาที่เราพบคือแม้ว่าจะมีการจัดตั้งถังขยะสีแดงเอาไว้ให้แต่ประชาชนยังเอาขยะทั่วไปมาทิ้งในถังขยะติดเชื้อ สะท้อนว่ายังไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการคคัดแยกขนยะ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและคัเดยกขยะ ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาขยะติดเชื้อจากโควิดก็จะไม่มีวันจบ