ดีเดย์ 1 ก.ค. ลุ้นโควิดในไทยเป็นโรคประจำถิ่น การติดเชื้อลดเหลือแค่พันราย
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลาโหม มหาดไทย แรงงาน ศึกษาธิการ การต่างประเทศ การท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ UHOSNET โรงพยาบาลเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้แทนสภาวิชาชีพและองค์กรอิสระ ร่วมประชุม
นายอนุทิน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการจัดเตรียมแผนการให้โรคโควิด -19 เป็นโรคประจำถิ่น เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล ยา เวชภัณฑ์ ต่างๆ รองรับ โดยอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับที่สากลยอมรับคือ เสียชีวิต 1 ต่อ 1,000ราย ซึ่งปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตของไทยอยู่ที่ไม่ถึง 1 ต่อ 1,000ราย นอกจากนี้เห็นชอบเรื่องการรณรงค์เร่งฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 เพราะยังเป็นกลุ่มที่มีการติดเชื้อและเสียชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุวันนี้ยังมีกว่า 2 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้นได้มอบ อสม.ไปทำความเข้าใจให้ทราบว่าถึงไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน แต่ยังมีความเสี่ยงจากการใกล้ชิดสมาชิกที่ออกไปนอกบ้าน ถือว่ายังอยู่ในห่วงโซ่ของการติดเชื้อ ทั้งนี้ในส่วนของเทศกาลสงกรานต์ ไม่ได้ห้ามเดินทาง แต่ขอให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโรคขั้นสูงสุด ส่วนเรื่องประกาศยูเซ็ปต์พลัสนั้น จะเริ่มวันที่ 16 มี.ค.นี้ คนที่อาการสีเขียวไปรักษาฟรีที่ รพ.ตามสิทธิ ซึ่งรพ.รัฐไม่ได้รับแอดมิท หากอาการสีเขียว แต่ไปรพ.เอกชนต้องจ่ายเงินเอง ส่วนผู้ป่วยอาการสีเหลือง และสีแดงยังเข้าได้ทุก รพ.ฟรี
เมื่อถามว่าหากเป็นโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้วจะมีการพิจารณาเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เป็นไปตามขั้นตอน อย่ากังวลกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะไม่ได้เอามาปราบจลาจล หรือการก่อความรุนแรงอะไร ไม่เกี่ยวกับการสู้รบ ดังนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ก่อปัญหาในวิถีชีวิตของสุจริตชน แต่ตรงกันข้ามกลับช่วยให้เกิดการบูรณาการทุกหน่วยงานให้สามารถทำงานได้ตามกฎหมาย เพราะการควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถไปสั่งการได้ทุกหน่วยงาน อย่างไรก็ตามพอโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้วทุกอย่างก็อยู่ภายใต้มือหมอ ก็จะมีการพิจารณาเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผ่านมานายกฯ ไม่ได้ต้องการพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่กระทรวงสาธารณสุขด้วยซ้ำที่ขอให้มีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะต้องบริหารจัดการตามแนวชายแดน ต้องขอความร่วมมือฝ่ายความมั่นคง เพราะ สธ.สั่งการข้ามหน่วยงานไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ความร่วมมือนะ แต่เพื่อทำให้การทำงานเป็นไปตามกฎหมาย
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการทำให้เป็นโรคประจำถิ่นมีการวางแผน 4 เดือน โดยเดือน มี.ค. - เม.ย. เป็นการติดเชื้อขาขึ้น จากนั้นจะค่อยๆ ลดลงในเดือน พ.ค.- มิ.ย. ซึ่งประมาณวันที่ 30 มิ.ย. การติดเชื้อลดลงระดับเหลือประมาณ 1,000-2,000 รายต่อวัน และวันที่ 1 ก.ค. เป็นการเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งจากนี้จะมีการปรับแก้กฎหมายประมาณ 9 ฉบับ และมีการตั้งคณะอนุกรรมการควบคุมป้องกันโรค คณะอนุกรรมการรักษา อนุกรรมการด้านกฎหมาย และสังคม เป็นต้น