ดีเอสไอบุกตรวจยึดสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า 2 จุดมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้าน
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นางกรวินท์ ศิลาพันธ์ ผอ.ส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 2 พร้อมเจ้าหน้าที่กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการพิเศษนำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นอาคารพาณิชย์ ย่านจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และอาคารพาณิชย์ ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 22 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม. ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าของร้านค้าที่ตั้งสินค้าวางจำหน่ายให้กับลูกค้าในตลาดเช้าสำเพ็ง ถนนราชวงศ์ ผลการตรวจค้นพบ สินค้าจำพวกกระเป๋า กระเป๋าถือ น้ำหอม นาฬิกา แว่นตา ยี่ห้อต่าง ๆ อาทิ หลุยส์วิตตอง (LOUIS VUITTON) กุชชี่ (GUCCI) ดิออร์ (DIOR) ชาแนล (CHANEL) แอร์เมส (HERMES) เอ็มซีเอ็ม (MCM) จำนวนประมาณ 12,000 ชิ้น รวมมูลค่าความเสียหายหรือมูลค่าตามราคาท้องตลาดกว่า 20 ล้านบาท จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง โดยกล่าวหาว่า “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ซื้อหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของ ที่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร” เพื่อทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ทำการสืบสวนพบว่า มีร้านค้าที่ตั้งจำหน่ายสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าอยู่จำนวนมาก ในแหล่งศูนย์กลางของการกระจายสินค้าต่าง ๆ ที่สำคัญ จึงได้วางแผนทำการตรวจค้นและยึดของกลางไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ผลกระทบดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการค้าประเทศโดยตรง เนื่องจากประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับการจับตามอง (Watch List-WL) ของกฎหมายสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากไม่มีมาตรการในการแก้ไขในประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หรือมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่ไม่เพียงพอ อาจเกิด ผลกระทบต่อการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ทำให้สินค้าไทยบางรายการไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ก่อเกิดให้เกิดความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และกระทบถึงภาพลักษณ์ในด้านการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย