"ธัญวัจน์" ชมสำนักงานเขตบางขุนเทียน จัดกิจกรรมจดทะเบียนสมรสคู่รัก LGBTQ+ วันแห่งความรัก ยอมให้แสดงสัญลักษณ์ แม้ยังไม่มีผลทางกฎหมายแต่คือความก้าวหน้า
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่าง ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่ พ.ศ. …. หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม กล่าวว่า ชื่นชมสำนักงานเขตบางขุนเทียน ที่จัดกิจกรรมจดทะเบียนสมรสคู่รักผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ที่ศูนย์การค้า The Bright พระราม 2 ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมที่สามารถสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นความหลากหลายทางเพศได้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือการจดทะเบียนในวันนี้จะยังไม่มีผลทางกฎหมาย อย่างไรก็ดี ตนรู้สึกมีความยินดีที่หน่วยงานราชการมีความตระหนักรู้และให้ความสำคัญต่อประเด็นความไม่เท่าเทียมที่ยังมีอยู่ในสังคม โดยเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตี มีส่วนในการร่วมเปลี่ยนแปลงผลักดัน แม้ในเชิงสัญลักษณ์ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญ
“แต่ก้าวต่อไปจะเป็นก้าวไกลไปกว่านี้ในอนาคตจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่สภาผู้แทนราษฎร ส่งให้ ครม. นำไปศึกษาในกรอบเวลา 60 วัน จะได้รับการยอมรับหลักการจาก ครม. และคืนกลับมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ เพื่อรับหลักการในเร็ววันนี้ จากกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันแห่งความรักนี้ จะเห็นว่ามีคู่รักผู้มีความหลากหลายมากกว่าร้อยคู่เข้ามาจดทะเบียนสมรสกัน นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนหนึ่งจากกลุ่มคนอีกมากมายที่ยังรอความเท่าเทียมในสิทธิความเป็นครอบครัวให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขามาตั้งแต่แรกแต่ถูกพรากไป อยากให้ ครม. มองเห็นความหมายเหล่านี้และนำเอกสารเชิงสัญลักษณ์ครั้งนี้ไปร่วมพิจารณา เพื่อตัดสินใจและเปลี่ยนจากกระดาษสัญลักษณ์ให้กลายเป็นความคุ้มครองทางกฎหมายเหมือนคนทั่วไป"นายธัญวัจน์ กล่าว
นายธัญวัจน์ กล่าวด้วยว่า กิจกรรมวันนี้ด้านหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นสีสันบนหน้าข่าวหรือหน้าสังคม แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและประทับใจสำหรับพวกเรามาก คือการที่หน่วยราชการขานรับร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล ตนได้มีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การจัดงานดังกล่าว สีหน้าของคู่รักหลายๆคู่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี แม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่า เมื่อจบเสร็จสิ้นงานวันนี้พวกเขาต้องกลับไปดำเนินชีวิตโดยไม่มีกฎหมายใดรับรองเช่นเดิม อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากิจกรรมในวันนี้ ได้ปักธงเรื่องสมรสเท่าเทียมแล้วในหน่วยงานภาครัฐเอง เป็นความชัดเจนว่า นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการและเจ้าหน้าที่รัฐก็พร้อมเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ไม่ว่าผู้มีอำนาจในรัฐบาลนี้จะพยามเหนี่ยวรั้งด้วยวิธีการใดก็ตามก็คงไม่อาจฝืนได้อีกต่อไป