ชาติสมาชิกสมัชชาใหญ่ยูเอ็นส่วนใหญ่ ลงมติคัดค้านการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ของรัฐบาลสหรัฐ พร้อมประณามเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทำลายเสถียรภาพ
สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ซึ่งมีสมาชิกทั้งสิ้น 193 ประเทศ จัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นเมื่อวานนี้ เมื่อลงมติเกี่ยวกับการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลของสหรัฐ ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่า สมาชิก 128 ประเทศ ไม่เห็นด้วยกับการประกาศรับรองเยรูซาเลมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงคะแนนสนับสนุนมติดังกล่าว ซึ่งเรียกร้องให้สหรัฐถอนการตัดสินใจรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ขณะที่ 9 ประเทศลงคะแนนคัดค้านมติดังกล่าว และอีก 35 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งแคนาดา, เม็กซิโก และออสเตรเลีย ไม่ลงคะแนน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังประณามการกระทำของสหรัฐว่า เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย, ทำลายเสถียรภาพ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ตัดความช่วยเหลือทางการเงินต่อยูเอ็นและประเทศที่สนับสนุนมติดังกล่าว ซึ่งทรัมป์กล่าวก่อนการประชุมฉุกเฉินสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ขณะที่ นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า สหรัฐจะจดจำวันนี้ วันที่สหรัฐถูกโจมตีในสมัชชาใหญ่ยูเอ็น จะจดจำเมื่อถูกร้องขอให้ช่วยเหลือยูเอ็นอีก
ทั้งนี้ สหรัฐถือเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อยูเอ็นมากที่สุด
ด้านโฆษกของประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก เรียกการลงมติครั้งนี้ว่า เป็นชัยชนะของปาเลสไตน์ แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ปฏิเสธมติดังกล่าว ระบุว่าเป็นสิ่งผิดปกติ เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
สถานะของเยรูซาเลม เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ขวางกั้นข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศก็ไม่ยอมรับอธิปไตยของอิสราเอล เหนือเยรูซาเลม โดยอิสราเอลยึดพื้นที่ด้านตะวันออกของเยรูซาเลม ในสงครามปี 2510 และพื้นที่ส่วนนี้ ปาเลสไตน์ก็ต้องการสถาปนาเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคตด้วย
การลงมติครั้งนี้ เป็นไปตามคำร้องขอของชาติอาหรับและมุสลิม ก่อนหน้านี้ สหรัฐ ซึ่งสนับสนุนอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิด ใช้สิทธิ์วีโต้ หรือยับยั้งมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งสมาชิก 14 ชาติที่เหลือต่างลงมติสนับสนุนมติที่ร่างโดยอียิปต์ คัดค้านการรับรองเยรูซาเลมของสหรัฐ