ครอบครัวนักโทษเรือนจำธัญบุรีร้อง ยธ.สอบผู้คุมลงโทษเกินกว่าเหตุจนบาดเจ็บ ด้าน ผบ.คุกยันนักโทษทำร้ายกันเองหลังตั้งตัวเป็นมาเฟีย จ่อดำเนินคดีทำชื่อเสียงเรือนจำเสียหาย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม มารดาและภรรยาของ นช.กฤตติกร อายุ 34 ปี พร้อมด้วย บิดาของ นช.ดิษยเดช อายุ 25 ปี เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกผู้คุมเรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี ทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังทะเลาะวิวาทกัน แบบไม่มีเหตุผลและไม่ให้เข้ารักษาพยาบาล
ภรรยา นช.กฤตติกร เปิดเผยว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมไป นช.กฤตติกร ทุกวัน โดยวันที่ 20 ธ.ค.ได้ไปเยี่ยมอีกครั้ง แต่พบว่ามีเพื่อนหาม นช.กฤตติกร ออกมาและสภาพร่างกายมีบาดแผล จากการสอบถามผู้ต้องขังบอกว่าถูกผู้คุมเรือนจำให้คลาน ก่อนใช้รองเท้าตีตามร่างกายและศีรษะ สาเหตุเพราะเข้าไปห้ามนักโทษอีก 2 คน ทะเลาะวิวาทกัน คือ นช.ดิษยเดช และ นช.นิรุตน์ โดย นช.กฤตติกร ไม่ได้กระทำผิด รวมมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 3 ราย พร้อมระบุได้ขอหลักฐานที่เป็นภาพวงจรปิดกับทางเรือนจำ แต่ไม่ได้หลักฐานอะไรเลย จึงอยากร้องขอความยุติธรรมด้วย
ด้าน บิดา นช.ดิษยเดช กล่าวว่า ได้ไปเยี่ยมลูกชายทุกวันและไม่เคยมีปัญหา จนมาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. กลับพบว่ามีร่างกายบอบช้ำและถูกตีจนชักไป 2 ครั้ง มีอาการเจ็บหน้าอก รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ในช่วงแรก และยังไม่ได้รับการรักษาเท่าที่ควร ลูกชายยอมรับว่ากระทำผิดจริงแต่การลงโทษของผู้คุมเรือนจำดังกล่าวเกินกว่าเหตุไปหรือไม่
ขณะที่ นายเกียรติกร ปัทมทัตต์ ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี ชี้แจงว่า นช.กฤตติกร มีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในเรือนจำและมีความพยายามตั้งกลุ่มในเรือนจำ โดยตั้งชื่อ กลุ่มบ้านรังสิตและแดน 2 สำหรับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในเรือนจำเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ธ.ค. เมื่อนักโทษ 2 รายมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันจากสาเหตุการยืมของกินและของใช้แต่ฝ่ายที่ยืมไม่ยอมใช้คืน ดังนั้น นช.กฤตติกร ที่รู้จักกับนักโทษฝ่ายให้ยืมจึงเข้าไปทำร้ายร่างกายนักโทษคนดังกล่าวและผู้คุมเรือนจำเห็นจึงเข้าไประงับเหตุทะเลาะวิวาทตามอำนาจหน้าที่ไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่า นช.กฤตติกรเป็นผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายนักโทษจริง ทั้งนี้พร้อมให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดและหลักฐานที่มี
สำหรับเรื่องนี้ เรือนจำได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตรวจสอบทั้งนักโทษและเจ้าหน้าที่เรือนจำในกรณีเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุก็จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย ส่วน นช.กฤตติกร เบื้องต้นอาจต้องย้ายแดนคุมขัง หากยังพบพฤติการณ์วางตัวเป็นผู้มีอิทธิพลอาจต้องถูกย้ายไปคุมขังที่เรือนจำความมั่นคงสูง ส่วนความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นนักโทษที่ถูกทำร้ายสามารถฟ้องดำเนินคดีอาญาเพื่อเพิ่มโทษจำคุก นช.กฤตติกรอีก 1 ข้อหา คาดสัปดาห์หน้าคณะกรรมการฯ จะสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ ส่วนผลกระทบกับเรือนจำที่เสียชื่อเสียงจากการถูกร้องเรียนว่าปล่อยเจ้าหน้าที่ทำร้ายนักโทษนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไรบ้าง
"เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในเรือนจำถูกนำมาขยายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะ นช.กฤตติกร เป็นลูกชายของเลขามูลนิธิชื่อดังแห่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเรือนจำจะปล่อยให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ทั้งตั้งตนเป็นขาใหญ่ในคุก หรือทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกชาวบ้านธรรมจะทำอย่างไรนักโทษก็ต้องได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน" นายเกียรติกร กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า นช.กฤตติกร ถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกาย ศาลตัดสิน 6 ปี 9 เดือน รับโทษในเรือนจำมาตั้งแต่ปี 2558 , นช.ดิษยเดช จับกุมในข้อหาฆ่าผู้อื่น ศาลตัดสิน 8 ปี รับโทษมาแล้ว 3 เดือน และ นช.นิรุตน์ ถูกจับกุมข้อหายาเสพติด ศาลสั่งจำคุก 6 ปี 9 เดือน จำคุกมาแล้ว 9 เดือน