พ่อแม่ของ “หมอปอ” ประกาศไม่เผาศพลูกจนกว่าคดีจะชัดเจน ข้องใจตำรวจไม่จับกิ๊กสาวว่าที่ลูกเขยโหด ทั้งที่เป็นคนขับรถเก๋งไปส่งและรับหลังก่อเหตุเชื่อรู้เห็นด้วย เผยทรัพย์สินหายไปทั้งเงินสินสอด 4 แสนบาท ทองคำหนัก 10 บาท และทองคำส่วนตัวลูกสาวอีก 5 บาท เงินในสมุดบัญชีที่ทั้งคู่ฝากร่วมกันอีก 6-7 แสนบาทก็หายไปเช่นกัน
จากกรณี นายรณชัย ปานชาติ หรือ “เก่ง” อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอหลังสวน ว่าที่เจ้าบ่าวสวมหมวกไอ้โม่งไหมพรมอำพรางใช้ปืนลูกซองสั้นบุกยิง น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือ “หมอปอ” อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย จ.ชุมพร ซึ่งจะแต่งงานกันในวันที่ 24 ธ.ค. เสียชีวิตคาห้องนอนชั้นสองบนบ้านพักข้าราชการในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจจับกุมตัว นายรณชัย โดยให้การรับสารภาพอ้างว่าที่ลงมือไปเพราะไม่อยากแต่งงานกับ "หมอปอ" เนื่องจากมีกิ๊กคนใหม่ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว จ.ชุมพร รายงานว่า ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 10 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศพศพ น.ส.มนทิญา หรือหมอปอ โดยพบว่าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ครอบครัวได้ไปรับศพกลับมาจากสถาบันนิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีการจัดพิธีรดน้ำศพให้กับหมอปอ โดยมีบรรดาญาติๆ ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านมาร่วมงานกว่า 100 คน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้มีการสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรก ญาติของผู้เสียชีวิตจับไมโครโฟนประกาศต่อหน้าแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีว่า ทางพ่อแม่และญาติของหมอปอจะบำเพ็ญกุศลศพไปก่อน โดยยังไม่มีกำหนดฌาปนกิจศพ เพื่อรอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย เนื่องจากคดียังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มั่นใจการดำเนินคดีของตำรวจ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะนำศพไปประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและ ผวจ.ชุมพร ขณะที่บรรดาญาติๆ และชาวบ้านต่างยกมือสนับสนุนเห็นดีด้วย

นายเชาว์ ครัวจัตุรัส อายุ 54 ปี และนางสมศรี ครัวจัตุรัส อายุ 51 ปี พ่อและแม่ของหมอปอ กล่าวว่า ครอบครัวตนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นกิ๊กของนายรณชัย ซึ่งมีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิดรู้เห็นตั้งแต่เตรียมการและยังเป็นคนขับรถเก๋งของตนเองไปส่งและรับนายรณชัย ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุพาหลบหนีแล้วนำของกลางบางส่วนไปทิ้งลงลำคลอง เพราะนายรณชัยไม่มีรถยนต์และขับไม่ชำนาญ อีกทั้งตนรู้ดีว่า นายรณชัย เป็นคนหัวอ่อนจะต้องมีคนชักนำหรือกดดันให้ก่อเหตุ ที่ผ่านมานายรณชัย เข้าออกอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเป็นประจำ ไม่เคยมีอาวุธปืน ซึ่งจะต้องมีคนจัดหาให้ เพราะก่อนเกิดเหตุ น.ส.นนทิญา เคยมีปัญหาทะเลาะกับฝ่ายหญิงที่เป็นกิ๊กของ นายรณชัย หลายครั้ง ทำให้มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับลูกสาวของตนมาตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีส่วนรู้เห็นและร่วมสนับสนุนกระทำความผิดในครั้งนี้ นอกจากนี้ทรัพย์สินของลูกสาวตนจำนวนหนึ่งหายไปทั้งเงินสินสอด 4 แสนบาท ทองคำหนัก 10 บาทที่ลูกสาวตนจัดเตรียมไว้ให้เจ้าบ่าว และยังมีทองคำส่วนตัวของลูกสาวอีก 5 บาทก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด และเงินในสมุดบัญชีที่ทั้งคู่ฝากร่วมกันอีก 6-7 แสนบาทก็หายไปเช่นกัน

นายเชาว์ละนางสมศรี กล่าวต่อว่า การจัดงานแต่งงานลูกสาวตนจะเป็นผู้ดำเนินการและออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งก่อนตายยังบอกกับตนว่าทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว ขณะที่ นายรณชัย ว่าที่ลูกเขยทางลูกสาวตนจะคอยดูแลช่วยเหลือมาตลอด และพาไปสอบเข้าทำงานเพราะเขามีฐานะไม่ค่อยดี ไม่มีรถยนต์ขับ ตนก็ให้รถจักรยานยนต์ไว้ใช้ขี่ทำงาน 1 คัน ครอบครัวตนมีลูกสองคน ผู้ตายเป็นลูกสาวคนสุดท้อง เรียนจบได้ทำงานรับราชการถือเป็นหลักของครอบครัว ก่อนเกิดเหตุวันเสาร์-อาทิตย์ นายรณชัย ยังมานอนที่บ้านอยู่กับลูกสาวตน พอช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.ยังรีดเสื้อผ้าชุดทำงานสีกากีให้ นายรณชัย ใส่และยังขับรถเก๋งไปส่งที่สำนักงานการไฟฟ้าหลังสวน แล้วลูกสาวตนก็ขับต่อไปที่ทำงานที่ รพ.สต.สลุย แต่ทำไมช่างเลือดเย็นใจร้ายอย่างนี้ พอตกกลางคืนให้กิ๊กขับรถเก๋งพาไปฆ่าลูกสาวตนที่ดีแสนดีกับเขาจนตายอย่างโหดเหี้ยม จากงานวิวาห์ที่ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีก 5 วันเท่านั้นแต่ต้องกลับกลายมาเป็นงานศพของตัวเอง