กระทรวงยุติธรรมแถลงผลสอบรื้อคดี "ครูจอมทรัพย์" ยันคณะทำงานชุดทำงานกระทรวงยุติธรรมทั้ง 2 ชุด ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนตามหน้าที่ เผยส่งรายงานถึงปลัด ยธ.กรณีพบพิรุธจับเท็จพยานรื้อคดี แต่ไม่ได้ส่งให้ศาล
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ หองประชุมกระทรวงยุติธรรม ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักงานกิจการยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับรื้อฟื้นคดีอาญาให้กับ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ว่า คณะทำงานชุดทำงานกระทรวงยุติธรรมทั้ง 2 ชุด ได้ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความยุติธรรมอย่างที่ให้กับประชาชนที่มาร้องขอความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทำการสืบสวนสอบสวนตามกรอบหน้าที่ โดยคณะทำงานศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ชุดที่ 1 ปี 2557 ขั้นตอนเรื่องเริ่มจากสำนักงานอำนวยความยุติธรรม จ.นครพนม ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากสามีนางจอมทรัพย์ จนกระทั่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้น นำไปสู่การลงพื้นที่สอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง 17 ปาก ต่อมาจึงได้มีการช่วยเหลือค่าทนายความและค่าธรรมเนียมศาลด้วยเงินจากกองทุนยุติธรรม และต่อมาต้นปี 2560 นางจอมทรัพย์ มาพบและขอขอบคุณกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความช่วยเหลือ จากนั้นคณะทำงานชุดที่ 2 จึงได้พิสูจน์เรื่องโดยนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ ในเรื่องรถยนต์ของนางจอมทรัพย์
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ส่วนที่สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่าหลังมีการนำบุคคลทั้ง 3 คน คือ นายสับ วาปี ผู้รับสมอ้างว่าเป็นคนขับรถชนคนตายแทนนางจอมทรัพย์, นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ผู้ว่าจ้างนายสับ ให้รับผิดแทนนางจอมทรัพย์ และนางจอมทรัพย์ เข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งครั้งนั้นพบพิรุธ แต่กลับไม่ยับยั้งเรื่องที่ขอรื้อฟื้นคดีให้นางจอมทรัพย์ ก็ถือเป็นจุดที่น่าสนใจ และได้บรรจุไว้ในรายงานที่เสนอผลการสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯของกระทรวงยุติธรรมที่ส่งให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม รับทราบด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับการสืบสวนของในส่วนกระทรวงยุติธรรมทั้ง 2 ชุด เป็นการส่งผลการสอบให้กับผู้ร้องเท่านั้น โดยไม่ได้มีส่วนส่งให้กับศาลแต่อย่างใด
นายวัลลภ ระบุยืนยันว่า คณะกรรมการฯ ของตนไม่ได้มีหน้าที่สอบชี้ว่าใครถูกหรือผิด แต่เพื่อหาข้อตรวจสอบความผิดพลาดในส่วนการทำงาน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงการทำงานในอนาคตต้องรอบคอบไม่กระทบหน่วยงานอื่นและกระทรวงยุติธรรม คาดว่าปลัดกระทรวงยุติธรรมมีการออกคำสั่งแนวทางทำงานเกี่ยวกับการรื้อฟื้นคดีและต้องปรับปรุงระบบการทำงานให้รอบคอบ ทั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว และจะได้ส่งผลให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม รับทราบและพิจารณาสั่งดำเนินการต่อไป