"วิโรจน์"รุดตรวจสอบทางม้าลาย หลังเกิดอุบัติเหตุเศร้าสูญเสีย "หมอกระต่าย" ชี้เป็นหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. ต้องดูเเลความปลอดภัย มีเทคโนโลยีพร้อม สร้างค่านิยมใหม่เรื่องการใช้ถนน
จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนคนเดินข้ามทางม้าลายหน้า รพ.สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท กทม. ส่งผลให้ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ "หมอกระต่าย" ซึ่งเดินข้ามถนนเสียชีวิต ขณะที่ ส.ต.ต. ที่ขี่บิ๊กไบค์บาดเล็กน้อยตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ตรวจสอบทางม้าลายที่เกิดอุบัติ
นายวิโรจน์ กล่าวภายหลังจากทดลองเดินข้ามทางม้าลายที่เกิดเหตุว่า วันนี้ตนลงมาดูโครงสร้างปัญหา มาดูว่าทางวิศวกรรมจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง วันนี้พฤติกรรมของประชาชนทุกอย่างยังเหมือนเดิม การเดินข้ามถนนต้องรีบวิ่งหลบรถกันอยู่ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องผิดปกติมาก คันที่อยู่เลนขวาบางทีเร่งเครื่องขึ้นมา ทั้งที่เป็นจุดบอดบนท้องถนน ถ้าหากเห็นรถข้างๆจอดเราต้องเอะใจ เราต้องชะลอไว้ก่อนไม่ใช่เหยียบคันเร่งใส่เลย แต่จะโทษนิสัยคนขับรถอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีกลไกหรือระบบเตือนใจ ตรงนี้สำคัญ กทม.จะต้องมีเส้นชะลอความเร็ว ต้องมีไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต้องมี กล้องวงจรปิดต้องมี กล้องตรวจจับความเร็วต้องมี อุปกรณ์เหล่านี้ต้องมี นอกจากเทคโนโลยีแล้ว การดูแลเมืองต้องใส่หัวใจไปด้วย สังคมต้องร่วมกันต่อสู้และยอมรับว่า ทางข้ามต้องปลอดภัย คนข้ามต้องปลอดภัยเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะมีอาชีพใด เพศไหน แค่ไม่กี่ตารางเมตรตรงนี้ต้องปลอดภัยได้
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น กรุงเทพมหานครต้องเป็นเจ้าทุกข์ไปแจ้งความดำเนินคดีให้มีการเปรียบเทียบปรับเกิดขึ้นได้ทันทีเพื่อปกป้องชีวิตทุกคน แม้เราไม่มีหน้าที่ปรับโดยตรง แต่เรารวบรวมพยานหลักฐานไปแจ้งความได้โดยไม่ต้องรอเจ้าทุกข์ เมื่อจับและตัดแต้มเรื่อย ๆ เราจะสามารถสร้างค่านิยมใหม่ในการใช้รถใช้ถนนได้ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการสร้างสะพานลอยเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะประชาชนต้องการเดินข้ามถนนด้วยทางข้าม กรุงเทพมหานครไม่ควรสร้างภาระให้ประชาชน เเต่ควรอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เราต้องให้ความสำคัญกับประชาชนที่ใช้ถนนบนทางเท้า หากวันนึงคนที่ประสบอุบัติ เป็นพี่น้องเรา เป็นครอบครัวเรา เราต้องรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
"คนที่เป็นพ่อเมืองหรือพ่อบ้านต้องไม่ท้อ เราต้องเป็นเหมือนพ่อบ้านจู้จี้จุกจิก แต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ผู้ว่าฯ ต้องเป็นพ่อเมืองที่เข้าใจหัวอกของทุกคน"นายวิโรจน์ กล่าว
ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ ได้กล่าวถึงแนวทางแก้ไขทางวิศวกรรม 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นเเรก จะต้องมีการควบคุมความเร็ว ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยี หรือมีป้ายเตือน เพราะบนถนนมีจุดบอด (blind spot) ประเด็นต่อมา จะต้องมีการกวดขันวินัยจราจร โดยเสนอเป็นกฎหมายเชิงตัดแต้มที่ไม่ใช่การจ่ายค่าปรับอย่างในปัจจุบันซึ่งไม่กระทบกับคนรวย ประเด็นสุดท้าย แก้ไขแต่ละจุด หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ต้องพิจารณาหากลไกดูตามแต่ความเหมาะสมในพื้นที่