"อุตตม"ชี้ปี 65 อยากเห็นการฟื้นฟูเอสเอ็มอี โชว์ห่วย รัฐบาลต้องจัดหางบประมาณดูแลประชาชนให้เพียงพอ
เมื่อวันที่ 26 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุตตม สาวนายน ประธานที่ปรึกษาสถาบันอนาคตไทยศึกษา (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์)และอดีตหัวหน้า พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 12 นาที ถึงสถานการณ์ปี 2564 โดยสรุป ว่า เป็นปีที่ประเทศไทย คนไทย เผชิญกับความท้าทายเรื่องความปลอดภัยของชีวิต เรื่องสุขภาพ เรื่องความมั่นคงของชีวิต เกิดอุปสรรค ปัญหาหลายอย่างในหลายมิติ หลายอย่างภาครัฐ และเอกชนพยายามจะแก้ไข
นายอุตตม ระบุว่า ในปี 2565 มองว่าจะมีความท้าทายเกิดขึ้น เรื่องแรกก็คือ ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตคือการบริหารจัดการโควิด-19 ซึ่งมีบทเรียนแล้ว เช่น จัดทำอย่างไรให้วัคซีนเข้าถึงคนที่ตอนนี้เชื้อกลายพันธุ์แล้ว ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง ดูเหมือนจะมีโอกาสอยู่ ไม่ใช่ทุกอย่างเลวร้ายไปหมด แต่ถ้าโควิดรุนแรง ภาพก็อาจจะต้องเผชิญปัญหา ถ้าเพลาลงก็โชคดี ดังนั้นการจะรับมือต้องมองว่าอะไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และต้องมาคิดกันว่าจะทำอย่างไรถึงจะลืมตาอ้าปากและฟื้นฟูได้ให้เป็นความจริงขึ้นมาได้ ต้องมีมาตรการ มีแนวทางที่จะดูแลประชาชน ซึ่งการกระตุ้นจับจ่ายใช้สอยบริโภคยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ต้องมีมาตรการดูแลผู้ประกอบการ เพราะวันนี้ไม่ใช่เรื่องของสภาพคล่อง แต่เป็นเรื่องของการจ้างงาน ที่จะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะขนาดกลาง ขนาดเล็ก สามารถจ้างงานได้ คนก็จะมีรายได้จับจ่ายใช้สอย
นายอุตตม ระบุว่า ในส่วนภาครัฐ ทราบว่ารัฐบาลเตรียมการเรื่องงบประมาณ เช่น การกู้เพิ่ม ซึ่งตนคิดว่าการจัดหางบประมาณดูแลประชาชนให้เพียงพอยังจำเป็น แต่จะใช้อย่างไรให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด การใช้ในโครงการที่กระตุ้นการบริโภค และอยากเห็นการเน้นหนักเรื่องของการฟื้นฟู เช่น ผู้ประกอบการ SMEs ร้านโชห่วย ซึ่งรัฐบาลต้องคิดว่าจะเตรียมการอย่างไรให้เขามีทุนต่อไป ซึ่งการพักหนี้ พักชำระหนี้ จะช่วยเฉพาะหน้า แต่เรากำลังพูดถึงปีหน้า หากมีโอกาสลืมตาอ้าปาก ฟื้นฟู ทุนจะมาจากไหน จะใช่รูปของเงินกู้อยู่หรือต้องมีเครื่องมือใหม่ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูภายใต้งบประมาณที่จำกัด นอกจากนั้นการจัดงบประมาณเพื่อการลงทุนในพื้นฐานเพื่ออนาคตของประเทศ เพราะโลกกำลังเปลี่ยนด้วยเทคโนโลยี Disruption เกิดการทำงานใหม่ จึงต้องลงทุนเพื่ออนาคต สนับสนุนให้คนไทยมีโอกาสหาเงิน สร้างรายได้ มีอาชีพใหม่ อย่าให้คนตกงานถาวร ซึ่งการลงทุนไม่ใช่เฉพาะเทคโนโลยีเท่านั้นแต่เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาคนไทย โดยภาครัฐกับภาคเอกชน สามารถจะทำงานด้วยกัน โดยใช้งบประมาณ ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่าสูงสุด ดังนั้นอยากเห็นในปี2565 v
นายอุตตม ระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศเผชิญ รวมถึงประเทศไทย แต่เรามีทรัพยากรค่อนข้างมาก ทั้งอาหาร เราไม่ใช่ประเทศยากจน แต่การจะยกระดับขีดความสามารถของประเทศ ต้องลงทุนเพื่ออนาคต แต่จะลงทุนอย่างไร ต้องช่วยกันคิดทั้งด้านสังคม เทคโนโลยี ด้านสาธารณสุข ทรัพยากรมนุษย์ ถ้าจะปรับเปลี่ยนประเทศ ยกขีดความสามารถ ประชาชนต้องรู้สึกว่ามีความหวัง โดยต้องมีภาพและทางเดินที่ชัดเจน และถ้าเราร่วมกันทำให้ประเทศไปได้ ลูกหลานมีงานทำ คนตกงานมีโอกาสเปลี่ยนงาน สร้างความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟู พลิกฟื้นได้ ต้องมีของที่สัมผัสได้ให้เห็น