หลังจากแยกย้ายทางใครทางมันมาสักระยะระหว่างนางเอกสาว พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช กับ ไฮโซหมื่นล้าน เพชร-อิทธิ แม้แต่ละฝ่ายจะออกมาพูดปัญหาที่ต้องเลิกรากันเหมือนหนังคนละม้วน แถมยังมีการพาดพิงถึงครอบครัวฝ่ายหญิงอีกด้วย งานนี้เจอสาวพิ้งกี้เลยสอบถามถึงข่าวนี้ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า
ได้เห็นข่าวที่พี่เพชรออกมาตอบโต้เราบ้างยัง?
เห็นสิคะ ก็ได้เห็นค่ะ
ที่เขาออกมาสัมภาษณ์เหมือนหนังคนละม้วนกับเรา รู้สึกยังไงบ้าง?
มันรู้สึกมากไม่ได้เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกที่เราเป็นคนอื่นซึ่งกันและกันไปแล้ว เราก็ไม่สามารถรู้สึกอะไรไปได้มากกว่านั้น นอกจากมองว่าสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะทัศนคติเราไม่เหมือนกัน ทีนี้ก็จะบอกว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสามีเรา ณ ปัจจุบันนี้เราก็ไม่อยากจะพูดอะไรไปทำให้ใครเสียหาย เพราะฉะนั้นเราเลยไม่มีความรู้สึกอะไรเลยที่จะพูดถึงเขาในทางไม่ดี
ตกใจไหมเพราะที่เขาให้สัมภาษณ์ค่อนข้างรุนแรงเหมือนกัน?
ตกใจค่ะ ตอนนี้เราก็พูดมากไม่ได้และก็ไม่อยากจะตอบอะไรมาก เพราะว่าเราเป็นคนอื่นไปแล้ว
มีพาดพิงไปที่ครอบครัวเราและคนดูแลเราด้วย?
จริงๆ การพาดพิง กี้ว่ามันคือทัศนคติค่ะ ซึ่งตอนนี้เราก็มองไปถึงจุดที่เราจะเดินไปข้างหน้า สิ่งที่เรามีความรู้สึกที่ดีให้กันเราก็คิดถึงจุดที่ดี เคยดูแลกันยังไงเคยมีความรู้สึกยังไงเราก็เก็บตรงนั้นไว้ สิ่งที่ไม่ดีก็คงจะไม่คิด แล้วก็ปล่อยไป
เสียใจไหมที่เขาออกมาสัมภาษณ์แบบนั้น?
ก็เสียใจค่ะ
เราอยากจะชี้แจงอะไรไหม?
ถ้าจะชี้แจงหนูว่าคงไม่จบค่ะวันนี้ หนูคงไม่มีอะไรชี้แจงค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าปัจจุบันนี้หนูทำได้แค่เดินหน้าเท่านั้นเอง ทั้งกี้และพี่เขาก็เดินหน้า แล้วก็ไม่มีอะไรที่กี้จะต้องพูดออกมาเพราะว่ากี้ไม่อยากทำให้คนที่เคยเป็นสามีเราเสียหายแล้ว
กลัวจะส่งผลกระทบต่อเราและครอบครัวไหม?
หนูเป็นดารายังไงหนูก็เจอข่าวนู่นข่าวนี่ ความเสียหายมันมีอยู่ตลอดค่ะ แต่ว่ากลับกันคือทางพี่เขาเป็นระดับนักธุรกิจกี้พูดในสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้กี้รู้สึกว่ามันค่อนข้างเซนซิทีฟมากๆ ค่ะแล้วเราก็มองแต่มุมที่ดีเท่านั้นเอง
มีโทร.ไปหาเขาหลังจากมีข่าวบ้างไหม?
ไม่ได้โทร.ค่ะ
คุยกับคุณแม่ที่มีการพาดพิงถึงคุณแม่บ้างไหม?
คุยค่ะ เพราะว่าก็อยู่กันสองคนอยู่แล้ว ทุกคนก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราโตมาก็อยู่แต่กับคุณแม่เราเป็นผู้จัดการเราอยู่แล้ว ก็คุยกันรู้สึกว่าเรามองในสิ่งที่ดีแล้วตอนนี้เรามองในสิ่งที่เคยทำอะไรกันมาแล้วดีต่อกันแค่นั้นเอง
คุณแม่ว่าไงบ้าง?
แม่ก็เป็นผู้ใหญ่นะคะ แล้วเขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากตัวกี้นี่แหละตัวกี้เองเป็นคนตัดสินใจ แม่ไม่ได้เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจจะทำอะไรอย่างหนึ่งเช่นรับงานแม่คงไม่สามารถบังคับกี้ได้
เหมือนเราเคยสัญญากับพี่เพชรว่าถ้าแต่งงานจะไม่ทำงานวงการ ?
ค่ะจริงๆ แล้วการที่กี้เลือกแต่งงานมันเป็นการตัดสินใจระดับหนึ่งแล้วว่าเราคิดยังไง ณ ตอนนั้นแต่ปัจจุบันไม่มีใครหรอกถามเลยร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากเลิก ไม่มีใครอยากแต่งงานแล้วล้มเหลวทุกคน อยากประสบความสำเร็จแต่ว่าวันนึงไม่ประสบความสำเร็จเราก็ต้องยอมรับ มันมีเหตุผลมากมายที่ไม่จำเป็นมาเล่าให้ทุกคนฟังมันเป็นเหตุผลของคนสองคน
แต่สิ่งที่เขาออกมาพูดส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเงิน?
เรื่องเงินก็เป็นสิ่งที่เราได้ยินมาข่าวหลายๆ ข่าวก่อนหน้านี้ก็มีข่าวซึ่งอันนั้นไม่ได้เป็นความจริงนะคะที่มีแบบว่าให้เงินเดือนในเท่านี้มันไม่ใช่ ซึ่งแม่สาวิกาก็ไม่เคยให้ข่าวใครอยู่แล้ว ก็ไม่รู้ ที่นี้ก็เลยบอกว่าเราตอบทุกข่าวไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันเยอะมากจนเราไม่สามารถชี้แจงอันนี้อันนั้น เพราะฉะนั้นพูดได้แค่ทุกอย่างตัดสินใจด้วยตัวเรา เงินไม่ได้เป็นปัจจัยสำหรับกี้ เพราะว่ากี้ทำงานตั้งแต่เด็ก
สิ่งที่เขาพูดมามีอะไรที่เราค้างคาใจไหม?
ไม่ดีค่ะเพราะว่าตอนนี้เดินหน้ามาก(ยิ้ม)
ถ้าต้องเจอหน้าพี่เขาได้ไหม?
เจอได้สิค่ะ ถามว่าเหนื่อยกับข่าวไหมไม่เหนื่อยค่ะแฮปปี้ค่ะ แฮปปี้ตรงที่ข่าวมันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป มันไม่มีทางที่จะกลับมาถามอีกหลายๆ รอบ เพราะว่าทุกคนก็ต้องเดินหน้าใช่ไหมคะ
ได้รับบทเรียนบทเรียนอะไรจากความรักครั้งนี้?
กี้ว่าก็ทุกอย่างค่ะ ความรัก ชีวิต การทำงานทุกอย่างมีบทเรียนในสิ่งที่เราทำทุกอย่างก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะล้มเหลวมันคือการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นจะบอกทุกคนว่า ทุกคนไม่ได้ล้มเหลวนะคะมันคือการเรียนรู้เท่านั้นเอง ชีวิตอีกยาวไกล เราต้องเจออะไรอีกเยอะ
ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวงการบันเทิงอีกครั้ง?
เหมือนกับว่าเราไปพักผ่อนมาแล้วกลับมาใหม่อะไรอย่างงี้ค่ะ