"โอม บอดี้สแลม"ออกโรงป้อง "ตูน" แจง ใครไม่อิน ไม่เห็นด้วย "ก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน 109 คำขอบพระคุณ” ก็ไม่มีปัญหา เรารู้แค่ว่าเราทำอะไรอยู่ เจตนาเป็นอย่างไรก็พอ ก้มหน้าก้มตาทำ
จากกรณีที่มีการติดแฮชแท็ก #พี่ตูนวิ่งทำไม ภายหลัง นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "ตูน บอดี้สแลม" นักร้องชื่อดัง ได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว @ artiwara ชวนวิ่ง "ก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน 109 คำขอบพระคุณ” เป็นการสานต่อกิจกรรมวิ่งก้าวเพื่อน้องเวอร์ชวลรัน ในปี 2563 ซึ่งรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย ถูกนำไปใช้สนับสนุนน้องๆที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ยังไม่มีทุนไปต่อ ม.ปลาย หรือสายอาชีพ ได้ทั้งหมด 109 คน ในวันนี้น้องๆ ทั้ง 109 คน ขอส่งคำขอบพระคุณกลับมาให้พี่ ๆ คนไทยใจดีทุก ๆ คน ที่ช่วยให้พวกเขาได้มีโอกาสทางการศึกษาได้มีโอกาสที่จะฝัน และเป็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อีกครั้ง เราจึงมีแนวคิดในการนำตัวเลข 109 ตามจำนวนของน้อง ๆ มาตั้งเป็นระยะทางวิ่งของเวอร์ชวลรันครั้งนี้โดยกำหนดให้มีระยะทางวิ่งทั้งหมด 109 กิโลเมตร เริ่มวิ่งสะสมระยะทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. จนถึง 28 ก.พ. 2565 รวมระยะเวลา 59 วัน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายโอมาร์ อรุณซัน หรือ "โอม เปล่งขำ" มือคีย์บอร์ดวงบอดี้สแลม ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเพจ Ohm Plengkhum ระบุว่า ในขณะที่สังคมมานั่งถกเถียงกันว่า มันเป็นหน้าที่ของรัฐ,การบริจาคไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร,ทำไมถึงไม่ออกมาเป็นกระบอกเสียง บลาๆๆๆ โน่นครับ มีคนกำลังจะตายเพราะขาดเครื่องมือแพทย์ที่มีไม่เพียงพอ มีเด็กมากมายที่อยากเรียนหนังสือต่อ แต่ไม่มีทุนทรัพย์ การวิ่งที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้ไม่รุ้ แต่มันมีคนรอดตายจากเครื่องมือแพทย์ที่เขาหาให้ได้จริงซึ่ง 1ในนั้นอาจเป็นคนใกล้ชิดของคนที่ด่าเขาในขณะนี้ มีคนหายป่วยจากเครื่องมือแพทย์จากมูลนิธิ มีเด็กๆได้เรียนหนังสือจนจบ ม.6อีกร้อยกว่าคน และเท่าที่ผ่านมาเขาก็ออกมาเป็นกระบอกเสียงส่งไปถึงทุกคนแล้วในแบบของเขาเอง โดยผ่านการวิ่งของตัวเอง ไม่งั้นทุกคนจะตระหนักได้หรือว่าการเรี่ยไรบริจาคมันไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ที่จะไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบ ผมว่าไม่ใช่ปัญหาเลยถ้าทุกคนตัดสินมันจากหลักการและเหตุผลและข้อมูลความเป็นจริงที่วินิจฉัยแล้วอย่างถี่ถ้วนไม่ใช่การเอาอคติและอัตตาเป็นที่ตั้ง หรือเพียงเพราะเขาไม่ทำในสิ่งที่หลายๆคนอยากให้ทำ ปัญหาที่เห็นคือปัญหาโครงสร้างเชิงนโยบายที่มันไม่สามารถแก้ได้โดยคนๆเดียว และไม่สามารถแก้ได้ด้วยเวลาวันสองวันครับ วันนึง เราอาจจะได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่มูลนิธิหามาให้อันเกิดจากเงินที่พวกเราร่วมใจกันบริจาค วันนึงเราอาจจะได้แพทย์,ทนายความมือดี,ตำรวจ ฯลฯจากทุนการศึกษาที่มูลนิธิมอบให้ก็ได้นะครับ
ทั้งนี้ได้มีคนเข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก โดย "โอม เปล่งขำ" ระบุว่า ตอบทุกเมนต์คงไม่ไหวครับ นาๆจิตตัง ไม่มีผิดไม่มีถูกครับ ใครไม่อิน ไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีปัญหาครับ เรารู้แค่ว่าเราทำอะไรอยู่และเจตนาเราเป็นอย่างไรก็พอครับ และก้มหน้าก้มตาทำครับ