อภิสิทธิ์ ห่วง กม.พรรคการเมือง ทำสมาชิกพรรคลด

2017-04-13 10:05:23

อภิสิทธิ์ ห่วง กม.พรรคการเมือง ทำสมาชิกพรรคลด

Advertisement

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ห่วงหลักการในกฎหมายพรรคการเมือง เรื่องของเงินบำรุงพรรคที่อาจทำให้สมาชิกพรรคลดลง และขอให้ คสช.ทบทวนคำสั่งหลังจากที่กฎหมายพรรคการเมืองประกาศใช้  พร้อมแสดงความกังวลต่อที่มา ส.ว.อาจเป็นปมขัดแย้งรอบใหม่



นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า ทราบว่าหลังสงกรานต์ สนช. จะมีการพิจารณา ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยว่ากฎหมายลูกทั้งสองฉบับจะต้องรีบทำให้เร็ว เพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัวก่อนการเลือกตั้ง โดยเฉพาะ กกต. ถ้ามีเวลาไม่มากอาจจะสับสนเรื่องการเตรียมเลือกตั้งและการปรับองค์กรได้




นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ในส่วนของกฎหมายพรรคการเมือง สนช.ได้เชิญพรรคการเมืองไปให้ความเห็นแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งยังมีการปรับแก้อีกหลายครั้ง  และยังมีความสับสนในเรื่องของการให้สมาชิกเสียค่าบำรุงพรรค  ส่วนการเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมปีหน้าตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่นั้น เห็นว่า ถ้ามีกฎหมายออกมา กรอบเวลาจะเป็นตัวบังคับอยู่แล้ว พรรคก็จะมีเวลาที่จะเตรียมตัว    แต่อยู่ที่คำสั่ง คสช.ว่าจะให้พรรคการเมืองประชุมได้เมื่อใด เพราะหากคำสั่งยังอยู่พรรคการเมืองก็จะดำเนินกิจกรรมลำบาก ดังนั้น คสช.จึงต้องทบทวนคำสั่งให้ดี 

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีปัญหาอะไรในร่างกฎหมายพรรคการเมืองที่ได้ศึกษาไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของสาขาพรรค ที่มีอยู่ 150 สาขา  แต่ปัญหาที่กังวล คือ การสื่อสารกับสมาชิกที่มีกว่า 1ล้านคนทั่วประเทศ ในเรื่องเงินบำรุงพรรค เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหม่ อาจเป็นเหตุให้จำนวนสมาชิกพรรคลดลง





นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงทิศทางการเมืองภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีการประกาศใช้กฎหมายพรรคการเทืองออกมา โดยคาดว่าภายใน 2-3เดือนน่าจะเห็นความเคลื่อนไหวของฝั่งการเมือง

ทั้งนี้สำหรับกฎหมายใหม่ที่ออกมา เชื่อว่าเป็นความตั้งใจของผู้เขียน แต่ยืนยันว่า ปัญหาที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่พฤติกรรมการใช้กฎหมายของคน พร้อมกันนี้ยังได้ให้ข้อคิดผู้ที่ทำกฎหมายให้ระวังรูปแบบการได้มาซึ่ง ส.ว.ที่อาจเป็นปมขัดแย้งใหม่ เพราะหากการทำหน้าที่ของ ส.ว.มีความโยงการเมืองก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้น ส.ว.ควรทำหน้าที่ตามกรอบของตัวเอง