“ไทยชูรส” ทุ่มงบ 120 ล้านขยายธุรกิจปี 61 ดึง “หญิงลี”พรีเซ็นเตอร์

2017-12-14 18:55:52

“ไทยชูรส” ทุ่มงบ 120 ล้านขยายธุรกิจปี 61 ดึง “หญิงลี”พรีเซ็นเตอร์

Advertisement

"ไทยชูรส" ประกาศเดินหน้าเต็มสูบ จับมือ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" รุก Music Marketing โดยคว้า “หญิงลี ศรีจุมพล” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับภาพยนตร์โฆษณาชุด “ส้มตำ 4.0” พร้อมเตรียมงบการตลาดไว้ถึง 120 ล้านบาท ขยายธุรกิจในปี 2561 โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ถึง 10%

นายชัยชาญ อรุณสมบัติ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยชูรส จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ไทยชูรส ตราชฎา ที่อยู่คู่ครัวไทยมากว่า 60 ปี เปิดเผยว่า หลังจากช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยไทยชูรสตราชฎาก็ได้ยกเลิกกิจกรรมโฆษณาและส่งเสริมการขาย เพื่อความเหมาะสมในช่วงที่มีการไว้ทุกข์ ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้นจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง รวมไปจนถึงราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย บริษัทจึงเห็นว่าช่วงเวลาจากนี้ไปเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะกลับมาทำกิจกรรมทางการตลาดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความคึกคัก และให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้


โดยทิศทางของไทยชูรส ในปี 2561 บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 10% โดยได้ทุ่มงบโฆษณาและส่งเสริมการขายมากถึง 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ใช้งบการตลาดเพียง 85 ล้านบาท งบดังกล่าวเป็นงบสำหรับโฆษณา 40 ล้านบาท และงบส่งเสริมการขาย 80 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสินค้าใหม่เพิ่มเติมในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค จากเดิมที่มีการทดลองวางตลาดมาแล้วในช่วงระยะเวลาหนึ่ง รวมทั้งบริษัทยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทีมขาย ด้วยการนำระบบไอทีเข้ามาใช้ในการทำงาน เพื่อรองรับการขายสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น


นอกจากนี้ บริษัท ยังได้ร่วมกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในการทำ Music Marketing โดยได้นำภาพยนตร์โฆษณาชุดส้มตำ ที่เคยออกอากาศไปเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว และยังคงเป็นที่จดจำของผู้บริโภคมาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “คุณแม่ขา ปูน้อยหนีบมือ” กลับมาทำใหม่ ภายใต้ชื่อ “ส้มตำ4.0” โดยได้ศิลปินลูกทุ่งสุดฮอตอย่าง หญิงลี ศรีจุมพล จากค่ายแกรมมี่โกลด์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ ยังคงใช้แนวคิดหลักจากโฆษณาชุดเดิม ที่เน้นความสนุกสนาน ตลก ดูสบายๆ แต่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน ที่สะท้อนชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบัน โดยมีส้มตำเป็นตัวผูกโยงเรื่องราวเข้าด้วยกัน




“การที่เราตัดสินใจนำหนังโฆษณากลับมาทำใหม่ ก็เพื่อต้องการให้เกิดการจดจำและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการพูดถึงในวงกว้าง ดังนั้นการพิจารณาเลือกนักร้องที่มีชื่อเสียงมาร้องเพลงในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเราได้เลือก หญิงลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง ครอบคลุมหลากหลายอายุ ทั้งชายและหญิง อีกทั้งยังมีบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ที่ดี แนวเพลงที่ร้องก็เหมาะสมกับเพลงส้มตำเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าแคมเปญโฆษณาชุดนี้จะทำให้แบรนด์ไทยชูรส ตราชฎา ได้รับความนิยมยิ่งขึ้นในหมู่ผู้บริโภคและในเวลาอันรวดเร็ว”


นายชัยชาญ ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของไทยชูรสในปีนี้ว่า มียอดขายประมาณ 1,220 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ อันเนื่องมาจากภาวะตลาดซบเซาผู้บริโภคขาดกำลังซื้อ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นภาวะเดียวกับบริษัทจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายอื่นๆ โดยรายได้ดังกล่าว มาจากตลาดภายในประเทศ 90% ที่เหลือเป็นการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในกลุ่ม CLMV โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 20% ในตลาดครัวเรือนและร้านอาหาร รองจาก อายิโน๊ะโม๊ะโต๊ะที่เป็นผู้นำตลาด สำหรับยี่ห้ออื่นๆ มีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมาก


สำหรับภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสในปัจจุบัน มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อันเป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เน้นความสะดวกสบายในการใช้ รวมไปถึงการสร้างตลาดใหม่แยกย่อยเป็นเฉพาะอาหารมากขึ้น เช่น ผงปรุงรสชนิดต่างๆ น้ำจิ้ม หรือซอสต่างๆ อย่างไรก็ตามการแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน โดยดูจากงบโฆษณาของกลุ่มสินค้าเครื่องปรุงรสมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีขณะที่ตลาดผงชูรสซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสประเภทหนึ่ง ยังคงมีอัตราการเจริญเติบโต 2% ถึง 3% ต่อปี และการแข่งขันยังคงจำกัดเฉพาะ อายิโน๊ะโม๊ะโต๊ะ และไทยชูรส เท่านั้น ส่งผลให้การแข่งขันไม่รุนแรงเหมือนสินค้าเครื่องปรุงรสในกลุ่มอื่นๆ โดยตลาดครัวเรือนมีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ จากพฤติกรรมการเปลี่ยนไปใส่เครื่องปรุงรสชนิดอื่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดร้านอาหารและอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปต่างๆ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นแทนการเข้าครัว จึงทำให้ตลาดผงชูรสยังคงเติบโตต่อไปได้