แพทย์เตือนอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ปกติทั่วไป ชี้ควันหรือไอทำให้เกิดมะเร็งได้มีสารฟอร์มาลดีไฮด์สูงถึง 15 เท่าของบุหรี่ทั่วไป แนะวางแผนเลิกบุหรี่โดยใช้หลัก 4 ล
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากกรณีมีข่าวจับกุมผู้มีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครองนั้น ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ส่งผ่านสารนิโคตินเข้าสู่ร่างกายในรูปแบบละอองฝอยโดยไม่ต้องมีการเผาไหม้หรือการลุกไหม้ ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่สวยหรู สีสันสวยงามดูทันสมัย ประกอบกับความอยากรู้อยากเห็น ค่านิยมและเข้าใจว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่ปกติ ซึ่งจริงๆแล้วการใช้บุหรี่ไฟฟ้า มีสารพิษต่างๆ เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ปกติทั่วไป นิโคตินจะเข้าไปกระตุ้นสมอง กระตุ้นหัวใจทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้ความดันสูงขึ้น สารนิโคตินในกระแสเลือดของแม่มีผลต่อทารกในครรภ์ส่งผลต่อสมองและระบบประสาทการได้ยินและอาจทำให้ทารกตัวเล็กกว่าปกติ
“บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ปลอดภัยจากสารพิษและไม่มีข้อพิสูจน์ว่าปลอดภัยสำหรับผู้สูบ ควันหรือไอจากบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดมะเร็งได้เพราะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์สูงถึง 15 เท่าของบุหรี่ทั่วไปและในหลายประเทศการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าถือว่าผิดกฎหมายรวมถึงประเทศไทยด้วย”นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นทั้งผู้ที่เคยสูบบุหรี่แบบปกติทั่วไป ผู้ที่เริ่มต้นหรือทดลองสูบบุหรี่รวมถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อสรุปทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้จริง แนะนำผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ให้วางแผนเลิกบุหรี่โดยใช้หลัก “เลือกวัน” คือ กำหนดวันที่จะเลิกบุหรี่ ยิ่งเร็วยิ่งดี ภายใน 2 สัปดาห์หลังตัดสินใจ “ลั่นวาจา” โดยการบอกมิตรรักและคนในครอบครัวถึงความตั้งใจในการเลิกบุหรี่ เพื่อขอกำลังใจและแรงสนับสนุน
“ลาอุปกรณ์” กำจัดบุหรี่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการสูบทั้งหมด และ “คิดก่อนลงมือ” มีการวางแผนรับมือกับอาการถอนนิโคตินที่จะเกิดขึ้น ในช่วง 2-3 วันแรกหลังหยุดสูบบุหรี่ ทั้งนี้สามารถขอรับคำปรึกษาการเลิกบุหรี่ได้ที่คลินิกเลิกบุหรี่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี จ.ปทุมธานี โทร 0-25310080-4 ต่อ 435 และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา ปัตตานีและโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ