"วราวุธ" เผยเตรียมเปิดอ่าวมาหยา 1 ม.ค.65 กำชับกรมอุทยานฯ เร่งปรับปรุงท่าเทียบเรือรองรับ นักท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้บริหารระดับสูง ของกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ.5 (อ่าวมาหยา) อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี เพื่อตรวจติดตามการดำเนินการด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูอ่าวมาหยา และตรวจติดตามการดำเนินการการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมอ่าวโล๊ะซามะ - อ่าวมาหยา โดยมี นายอภิชา อยู่สมบูรณ์ ผอ.ส่วนพัฒนาอุทยานแห่งชาติ นายปราโมทย์ แก้วนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี ให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปการดำเนินงาน
โอกาสนี้ นายวราวุธ ตรวจสอบการก่อสร้างท่าเทียบเรือบริเวณอ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งเป็นจุดรับส่งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังอ่าวมาหยา ซึ่งปัจจุบัน รมว.ทส. ได้ให้ข้อแนะนำในการออกแบบเพื่อให้สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก โดยไม่กระทบกับแนวปะการัง รวมถึงระบบนิเวศโดยรอบ นอกจากนี้ ยังได้ติดตามการฟื้นตัวของปะการัง ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำการเพาะเลี้ยงฟื้นฟู จนมีการเจริญเติบโต เมื่อปะการังที่เพาะเลี้ยงสมบูรณ์เต็มที่แล้วจะได้นำลงสู่ทะเลต่อไป อีกทั้ง ยังได้ปลูกต้นจิกทะเลไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
รมว.ทส. กล่าวว่า อ่าวมาหยา ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง จนทรัพยากร ธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรม โดยเฉพาะปะการัง จากการสั่งปิดอ่าวมาหยา เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้นจนถึงตอนนี้ธรรมชาติ เริ่มกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะนี้อยู่ในช่วงการปรับปรุงท่าเทียบเรือและการกำหนดแนวเขตสำหรับลงเล่นน้ำ เพื่อให้การท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร สามารถพัฒนาควบคู่ไปด้วยกันได้ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดอ่าวมาหยาได้ในวันที่ 1 ม.ค. 2565 โดยเรือที่จะเดินทางมายังอ่าวมาหยา ไม่อนุญาตให้เรือเข้ามาจอดด้านหน้า จะให้เรือเข้าจอดด้านหลังหาด บริเวณอ่าวโล๊ะซาม๊ะ แทน ซึ่งทางอุทยานฯ ได้ทำท่าเทียบเรือสปีดโบ๊ทเอาไว้ให้แล้ว โดยจะจอดได้ประมาณ 8 ลำ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวแต่ละท่าน จะมีช่วงเวลาท่องเที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง ที่สำคัญการลงเล่นน้ำในบริเวณอ่าวมาหยา จะกำหนดไว้ประมาณ 50 เมตร และลึกประมาณระดับเอว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวกรมอุทยานแห่งชาติฯ และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เพาะเลี้ยงปะการังไว้ ซึ่งจากการเพาะเลี้ยงดังกล่าวจะเห็นว่าปะการังมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยใน 1 ปีที่ผ่านมาปะการังจะงอกขึ้นมา ประมาณ 2 เซนติเมตร และเพื่อความสวยงามอย่างยั่งยืนของทรัพยากรของธรรมชาติของอ่าวมาหยา ทางอุทยานฯ จะเปิดท่องเที่ยวตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น. จะจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว รอบละ 300 คน เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดของนักท่องเที่ยว และความสวยงามอย่างยั่งยืนของทรัพยากร ของธรรมชาติต่อไป
สำหรับ "อ่าวมาหยา" เป็นเวิ้งอ่าวขนาดเล็กที่ทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม เป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการปิดให้บริการท่องเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นมา เพื่อให้ธรรมชาติ ระบบนิเวศทั้งบนฝั่งและใต้ทะเลได้ฟื้นฟู หลังจาก ได้รับผลกระทบ อย่างหนัก ปะการังเสียหาย พื้นทรายบริเวณชายหาดทรุดตัว จากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว มาเป็นระยะเวลานาน โดยในระหว่างการปิดอ่าวมาหยานั้น เจ้าหน้าที่ได้เพาะปลูกปะการังใหม่ ประมาณกว่า 10 ไร่ มีการปลูกพันธุ์ไม้ป่าพื้นถิ่นเดิม บริเวณบนฝั่ง ชายหาด เพื่อช่วยยึดหน้าดินป้องกันการพังทลายของเนินทรายหน้าหาด มีการติดตามการกัดเซาะชายหาดต่อเนื่อง ซึ่งพบว่า ขณะนี้ธรรมชาติเริ่มฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์ขึ้น พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่สนใจเดินทางมาสัมผัสความสวยงามของอ่าวมาหยา ที่จะเดินทางมาในอนาคต