"เพชร โบราณินทร์" หลั่งน้ำตาลูกผู้ชาย สูญเสียคุณพ่อกะทันหัน ทำเอาชีวิตเสียสูญ
พระเอกสุดฮอตจากละครเรื่อง "ภูผาผีคุ้ม" อย่าง "เพชร โบราณินทร์" เปิดเผยชีวิตในวันเด็กที่สุดเกเร ออกจากโรงเรียนตอน ม.4 มีวีรกรรมตีรัน ฟันแทง พร้อมเผยเหตุการณ์สุดช็อก ชีวิตเสียสูญหลังคุญพ่อจากไปกะทันหันด้วยโรคพาร์กินสัน เป็นปมในใจไม่ได้บอกลาสักคำ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
กว่าจะมาถึงวันนี้เราผ่านมรสุมชีวิตความเกเรมาเยอะเหมือนกัน ?
เพชร : เยอะมากครับ
เกเรสุดในชีวิตช่วงประมาณวัยไหน ?
เพชร : ช่วงตอน ม.4 ขึ้น ม.5 ครับ ช่วงนั้นตัวเองดื้อล้วนๆ เลยครับ
เห็นว่าคำว่าดื้อไม่เพียงพอ ต้องสมญานามว่าเหี้_เลย ?
เพชร : ใช่ครับ ถ้าตัวผมเองเรียกอย่างนั้น ผมก็ยอมรับนะครับว่าผมไปได้ถึงขนาดนั้น
เราไปทำวีรกรรมอะไร ?
เพชร : มันก็หลายๆ อย่าง ไม่เรียนหนังสือ ขี้เกียจ เกเรไปเรื่อย เทอมแรกติด 0 ไป 15 ตัวครับ ซึ่งเทอมนึงมันมี 18 วิชา
ทำไม ณ ตอนนั้นเราเป็นวัยรุ่นที่สุดโต่ง ?
เพชร : ผมเป็นคนขี้เกียจเรียนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แล้วด้วยความที่เราดันไปอยู่ห้อง วิทย์-คณิต มันมีแต่วิชาเรียนที่ค่อนข้างเครียด มันไม่ได้หมายความว่าผมเรียนไม่รู้เรื่องนะครับ ผมเรียนรู้เรื่อง ผมเรียนทันเพื่อน แต่แค่ผมขี้เกียจทำการบ้าน ขี้เกียจส่งงาน เราเอ็นจอยกับการใช้ชีวิตมากกว่า
ต่อย ตี มีไหม ?
เพชร : มีครับ
เห็นว่าเรื่องต่อย ตี ไม่ใช่แค่เพื่อนในโรงเรียนอย่างเดียว นอกโรงเรียนก็มี ?
เพชร : ก็มีบ้าง แต่เราก็ไม่ใช่ไปคนเดียว แล้วผมก็ไม่ใช่คนหาเรื่องขนาดนั้น ผมก็อยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ เวลาเพื่อนมีอะไรผมก็จะอยู่ในกลุ่มด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ทุกครั้งที่ผมจะไปลงมือกับคนอื่นขนาดนั้น เราก็เห็นทุกอย่าง เกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้นสายปลายเหตุมายังไง
แล้วตอนนั้นเราบอกทางบ้านยังไงว่าไม่เรียนแล้ว ?
เพชร : บอกกับพ่อ กับแม่ตรงๆ เลยครับ ตามผลงานที่มันออกมาเลย เราเรียนได้คะแนนเท่าไหร่ ได้เกรดเท่าไหร่ ที่บ้านก็ต้องรับทราบอยู่แล้ว
คุณพ่อ คุณแม่ว่ายังไง ?
เพชร : ก็เครียดครับ เขาก็ถามผมว่าทำไม เกิดอะไรขึ้นทำไมเป็นได้ขนาดนี้ เพราะว่าผมเป็นเด็กคนนึงที่เรียนค่อนข้างรู้เรื่อง อาจจะไม่ได้เกรดดีมาตลอด เพราะเราเองก็ไม่ค่อยได้ทำการบ้าน แต่ทุกครั้งที่สอบ เรามักจะทำคะแนนได้ค่อนข้างดี
คุณพ่อ คุณแม่โดนเรียกเข้าห้องปกครองบ่อยมาก ?
เพชร : ส่วนมากจะเป็นคุณพ่อไปรับผิดชอบให้ เรื่องทะเลาะวิวาทอะไรแบบนี้
เห็นบอกว่าไปทุกอาทิตย์เลย ?
เพชร : ไม่ถึงขั้นทุกอาทิตย์ ผมเข้าห้องปกครองค่อนข้างบ่อย คือไม่ได้เข้าทุกครั้งแล้วผู้ปกครองจะมาทุกครั้ง มันก็มีการทำทัณฑ์บน ไปเซ็นชื่อรับผิดชอบก่อนแล้วค่อยมาเป็นคุณพ่อ ผู้ปกครอง
เคยเห็นคุณพ่อ คุณแม่ มีน้ำตาไหมกับเรื่องที่เราสร้างวีรกรรมไว้ ?
เพชร : เคยครับ ก็เป็นช่วงที่ผมจะหยุดเรียน ผมจะออกจากโรงเรียน
ตอนนั้นเราเข้าใจไหมกับน้ำตาของคุณพ่อ คุณแม่ที่เสียไป ?
เพชร : เราเข้าใจว่าเขาร้องไห้เพราะอะไร แต่เราเองก็มีความคิดที่อยากบอกเขา ให้เขาเข้าใจเราเหมือนกันว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันคืออะไร แต่ผมว่าคงไม่มีใครเข้าใจหรอกที่อยู่ๆ อยากจะมาหยุดเรียน
แล้วอะไรที่ทำให้เราตัดสินใจว่าไม่เรียนต่อแล้ว ?
เพชร : ด้วยผลงานที่ออกมา เกรดได้แค่นั้น แล้วเราก็ทำทุกอย่างได้แค่นั้น เรารู้สึกว่าเราอยากมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าประสบการณ์ในห้องเรียน เราบอกกับเขาแล้วบอกกับตัวเอง มันเป็นวิธีคิดของเรา โอเคถ้าเราอยากออกมาใช้ชีวิต เราจะเกเรให้สุด เท่าที่เราจะทำได้ แต่เราจะไม่ทำอะไรให้ครอบครัวเดือดร้อน ผมก็จะอยู่แค่กับเพื่อนแค่นั้นเอง
ที่ไปบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่าจะหยุดเรียนแล้ว ท่านว่ายังไง ?
เพชร : เขาก็ช็อกไปเลย เขาก็ถาม นั่งคุยกันอย่างนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนั้นผมคุยอะไรกับเขาบ้าง
ณ ตอนนั้นเพชรจะรับผิดชอบตัวเอง ไปอยู่กับเพื่อน หางานทำ ?
เพชร : ใช่ครับ
พอหยุดเรียนแล้ว เป็นอย่างที่เราตั้งเป้าไว้ไหม แล้วเราไปทำอะไรบ้าง ?
เพชร : เราก็ทำงานพาร์ตไทม์ในร้านอาหารเท่าที่วุฒิการศึกษา และวุฒิภาวะเราสามารถจะทำได้ เพราะว่าคุณพ่อผมมีวิธีการเลี้ยงเหมือนฝรั่ง เพราะว่าพ่อผมเคยไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษประมาณ 2-3 ปีก่อนที่เขาจะกลับมาทำงานที่ไทย เขาก็จะปลูกฝังเราว่าวัยรุ่นอังกฤษเวลาเขาเรียนอยู่ไฮสคูล เขาก็จะไปรับจ๊อบร้านอาหาร ก็เป็นปกติ เขาก็พยายามปลูกฝังเรามาอย่างนี้ว่าเรื่องแบบนี้มันคือเรื่องปกติ แค่เราจะไม่เรียนหนังสือ แต่ถ้าวันใดวันนึงเรามีโอกาสแล้วเราอยากจะเรียน เราก็จะกลับไปเรียน เราแค่อยากออกมาทำงาน อยากเริ่มต้นชีวิตให้เร็วกว่าคนอื่น
ทำงานอะไรบ้าง ?
เพชร : ทำพาร์ตไทม์ร้านอาหารมาเรื่อยๆ เลยครับ ตอนนั้นอยู่ประมาณ 9,800 บาท ตอนนั้นอายุ 16 ปี
แต่กว่าจะมาทำงานร้านอาหารก็มีช่วงที่เราหลุดโลกไปเหมือนกัน ?
เพชร : ใช่ครับ มันเป็นช่วงรอยต่อ ม.4 ขึ้น ม.5 ช่วงเวลาปิดเทอมประมาณ 3 เดือน ผมเกเรกับเพื่อนแบบสุดๆ เลย ออกจากบ้านทุกวัน พอถึงวันเปิดเทอมผมก็ไปบอกแม่ว่าไม่เรียนแล้วนะ แล้วเราก็เคลียร์กับเขาจบไป ผมก็อยู่กับเพื่อนต่ออีก 3 เดือน ปาร์ตี้ เหมือนคึกคะนอง แล้วตัดสินใจไปสมัครงาน
ตอนนั้นการใช้ชีวิตไม่ใช่สังสรรค์ธรรมดา เพราะมีความคิดในหัวว่าใช้ชีวิตยังไงไม่ให้ถูกจับ ?
เพชร : เราจะทำยังไงก็ได้ให้ที่บ้านไม่เดือดร้อน เพราะว่าคุณพ่อผมเป็นทนายความ มีคุณอาเป็นตำรวจ ครอบครัวผมเป็นข้าราชการค่อนข้างเยอะ เราก็เห็นสิ่งที่ไม่ดีที่เพื่อนทำ เราเป็นคนที่สนุกกับเพื่อนทุกอย่าง แต่เราเป็นคนใจแข็งที่เราไม่ทำอะไรร่วมๆ กับเพื่อน เราแค่อยู่ในกลุ่มเพื่อน ถ้าเพื่อนทำอย่างอื่น เราก็ไม่ได้ไปทำกับเพื่อน เรายอมรับตัวเองว่าเราค่อนข้างขาวสะอาดแบบในกลุ่มเพื่อน
แน่นอนในแหล่งปาร์ตี้มันต้องมียาเสพติด บุหรี่ ?
เพชร : มันต้องมีอยู่แล้วครับ แต่ผมบอกกับตัวเองเลยถ้าเราอยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้ เรารู้ว่าเพื่อนเป็นยังไง ผมก็สนุกกับเพื่อนเต็มที่เลย แต่ผมจะไม่เข้าไปยุ่ง ก็จะอยู่เฉยๆ ไปเลย
เคยมีเหตุการณ์เข้าไปเฉียดคุกบ้างไหม ?
เพชร : ไม่มีเลยครับ มันยังดีที่ผมยังเตือนสติตัวเองได้ตลอด แล้วเรายังมีแนวทางของเรา แต่ว่าผมอะสนุกกับเพื่อน แต่ผมก็ให้ลิมิตกับตัวเองว่าจะสนุกถึงแค่ไหน ผมจะเริ่มลงมือกับสิ่งใหม่ๆ แค่ไหน
คุณพ่อ คุณแม่ มีไหมที่บอกเราว่าอย่าไปเลยลูก เรียนต่อเถอะ ?
เพชร : มีครับ แต่เราดื้อบวกกับช่วงอายุที่มันน่ากลัวของวัยรุ่น แล้วก็ด้วยความคึกคะนองต่างๆ มันก็ยังสนุกกับทุกสิ่ง
อยากจะเตือนอะไรน้องๆ รุ่นนี้ไหม ?
เพชร : ถ้าผมอยากจะเตือน ผมเป็นต้นแบบเรื่องการเรียนไม่ได้ แต่ว่าถ้าในการใช้ชีวิตหรือการหลงผิดอะไร อย่าไปโทษเพื่อนว่าเพื่อนพาเราไปไม่ดี มันขึ้นอยู่ที่เราว่าจะตัดสินใจยังไง ถ้าเราอยากสนุกกับเพื่อน เราก็สนุกได้ แต่เราต้องสนุกในทางที่ถูกต้อง แล้วเราต้องรู้ด้วยว่าเราจะสนุกได้ถึงขนาดไหน อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ระหว่างที่เราปาร์ตี้กับเพื่อนตอนนั้นเอาเงินที่ไหนใช้ ?
เพชร : เงินพ่อ แม่เลยครับ พ่อแม่ให้วันละ 100 บาท ซึ่งผมซื้อแค่ข้าวกิน ไม่ไปลงกับอบายมุข ซึ่งผมคิดกับตัวเองว่าถ้าผมจะสนุกกับอะไรแบบนั้นต้องหาเงินด้วยตัวเองเราถึงไปทำได้ เงินพ่อ แม่ เราก็ซื้อข้าวกินอย่างที่เขาตั้งใจ
พอเราไปทำงานพาร์ตไทม์ได้เงินเดือนแรก รู้สึกยังไง ?
เพชร : รู้สึกว่าเงินมันหายากกว่าที่คิด แล้วเราก็ไม่คิดว่า 1 เดือนผ่านไปกับเงินเดือนก้อนแรก มันจะเหนื่อยมากๆ เราแค่รู้สึกว่าแรงที่เราเสียไปกับเงินที่เราได้ทำไมมันห่างกันจังเลย เราทำงานตั้งแต่บ่ายโมงถึงห้าทุ่ม ถึงบ้านประมาณเที่ยงคืนตี 1
เราทำอะไรบ้างในร้าน ?
เพชร : มันเป็นร้านอาหารแบรนด์นึง เราก็ทำทุกอย่างที่พนักงานคนนึงต้องทำ ทำอยู่ในครัว เสิร์ฟอาหาร รับลูกค้า เก็บโต๊ะ ทุกอย่างเลยครับตามที่ผู้จัดการเขาสั่งเลยครับ
เห็นว่ามีน้อยใจบ้าง คุณพ่อก็เป็นทนาย ญาติๆ ก็ตำแหน่งดีหมดเลย ?
เพชร : เราแค่รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรให้เป็นที่ภาคภูมิใจกับพ่อ แม่ อย่างสมมติครอบครัวเรารวมตัว เราจะเจอลูกพี่ ลูกน้องของเรา แบบคนนี้จบที่นี่มา คนนี้เรียนที่นี่มา แล้วพอถึงเวลาที่มาถามเรา เรียนที่ไหน จะไปต่ออะไร แล้วเราจะไปบอกว่าผมไม่ได้เรียนครับ มันก็รู้สึกผิดแทนพ่อกับแม่ แล้วเราก็ไม่อยากให้คนอื่นมองพ่อกับแม่เราไม่ดีว่าทำไมเลี้ยงลูกคนนึงให้เป็นแบบนี้ได้
ทำพาร์ตไทม์อยู่นานไหม ?
เพชร : ประมาณ 2-3 ปีครับ
แล้วเวลาที่เราเหนื่อย เราคิดไหมว่าเรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปเรียนหนังสือต่อ ?
เพชร : ตอนนั้นมันไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยเลยครับ แล้วเราก็มีสังคมใหม่ สังคมเพื่อนที่ทำงาน สนุกไปเรื่อยๆ แล้วเราก็คิดว่ามันไม่มีงานอะไรที่ทำให้เราเหนื่อย เราตายได้ขนาดนั้น เราก็สนุกไปกับมัน
แล้วเราคิดไหมว่าวันนึงเราจะกลับไปเรียนต่อ ?
เพชร : คิดครับ ถ้ามีโอกาสผมก็จะกลับไปเรียนให้ได้เร็วที่สุด
คุณพ่อเสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคพาร์กินสันเมื่อวันที่ ?
เพชร : 11 สิงหาคม ครับ คุณพ่อเสียตอนกลางคืน วันนั้นช่วงหัวค่ำคุณแม่ส่งข้อความมาหาผมว่า พ่ออาการไม่ดีนะ เราก็แบบเกิดอะไรขึ้นก็โทรกลับไปหาเขา ไปหาหมอไหม เดี๋ยวเพชรจะรีบไป เขาก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นปกติของพ่อเขาที่แบบไม่ค่อยได้กินข้าว ผมก็โอเคไม่เป็นไร ถัดมาอีกที 5 ทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน พี่สาวไลน์มาบอกว่าพ่อเสียแล้ว
ตกใจไหม ?
เพชร : มากครับ คือผมอยู่คอนโดฯ แล้วพ่อกับแม่อยู่ที่บ้าน ที่บางใหญ่ ผมก็ไปๆ มาๆ แต่มันมีช่วงโควิดค่อนข้างหนัก ผมไม่อยากกลับบ้าน เพื่อเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนที่บ้าน คุณพ่อเสียสิงหาคม ผมกลับไปหาเขาล่าสุดเมื่อมิถุนายน กลับไปตัดผม โกนหนวดให้เขา
ตอนนั้นละครเริ่มออนหรือยัง ?
เพชร : เหมือนห้องสุดท้ายหมายเลข6 ออนอยู่มั้งครับ
คุณพ่อได้ชื่นชมความสำเร็จของเพชรมาแล้วบ้าง ?
เพชร : ใช่ครับ แต่หลังๆ เขาจำเราไม่ได้ประมาณปีสองปีที่ผ่านมา
เพชรเข้าวงการหรือยังตอนที่คุณพ่อจำอะไรไม่ค่อยได้ ?
เพชร : เข้าแล้วครับ คือไม่ได้ถึงขั้นที่จำไม่ได้ แต่ก็หันมาถามว่าผมขึ้นไปทำอะไรบนทีวี
เห็นเพชรเขียนในไอจีว่าคุณพ่อเป็นโรคนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เพชรเด็กๆ แล้วอาการมากำเริบหนักในช่วงนี้ ?
เพชร : ใช่ครับ ก็คุณพ่อป่วยตั้งแต่ผมประมาณ 5 ขวบ แล้วเพิ่งมาหนัก 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เขาเริ่มเบลอ เริ่มคุยไม่รู้เรื่อง เริ่มจำใครไม่ค่อยได้
อาการหนักสุดของคุณพ่อเป็นแบบไหน ?
เพชร : มีหลายแบบครับ ทั้งกล้ามเนื้อในตัวเขาที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากสักเท่าไหร่ แล้วก็มีแบบหลงๆ ลืมๆ จำไม่ได้ หนักสุดก็เห็นภาพหลอนเพราะว่าสมองเขาเสียไปด้วยจากการกินยา เพราะยามีผลโดยตรงกับระบบประสาทเขา
เห็นว่าบางช่วงก็นอนติดเตียงด้วย ?
เพชร : ใช่ครับ
เราคิดว่าโรคพาร์กินสันไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร แต่ก็เป็นโรคที่ค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกัน ?
เพชร : ใช่ครับ ตอนช่วงที่คุณพ่อผมเป็นมันยังไม่มีผลวิจัยหรือข้อบังคับใช้เกี่ยวกับโรคนี้ ไม่มีใครรู้จักโรคนี้สักเท่าไหร่ มันเป็นช่วงระยะแรกๆ ที่เรารู้จักโรคพาร์กินสัน แล้วตอนนั้นคุณหมอก็ไม่รู้จะรักษาไปแนวทางไหน ใช้อะไรต่อสู้กับเขา มันต้องรักษาตามอาการมาเรื่อยๆ
ช่วงที่คุณพ่อนอนติดเตียง เราเหมือนต้องโตกว่าเด็กหนุ่มทั่วไปด้วย เราต้องทำอะไรแทนคุณพ่อบ้าง ?
เพชร : ก็ดูแลทั้งแม่และพี่สาว เพราะเราเริ่มทำงานเร็วกว่าพี่สาวแล้วก็มีเงินที่จะดูแลครอบครัวแทนเขาได้
เห็นบอกว่าชีวิตวัยเด็กไม่ได้เที่ยวกับคุณพ่อเลย ?
เพชร : ไม่ค่อยครับ เพราะคุณพ่อไม่สบายไปไหนลำบาก
ไม่เคยถ่ายรูปครอบครัวรวมกันเลย ?
เพชร : ตั้งแต่โตมาเราไม่ได้มีโมเมนต์ครอบครัว 4 คน ผม พี่สาว แม่ พ่อ เพราะพอพ่อป่วยหนัก พ่อก็ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากพาให้เขาออกมาเหนื่อย ออกมาลำบาก
เห็นบอกเพชรต้องฝึกขับรถ ?
เพชร : ตั้งแต่เล็กหน่อย พอขาถึง เราควบคุมรถได้ เราต้องเริ่มฝึก เพื่อที่วันใดวันนึงมันเกิดเหตุฉุกเฉินที่เราต้องช่วยเหลือคุณพ่อ ก็จะได้ช่วยทัน เพราะว่าตอนนั้นแม่ผมก็ยังขับรถไม่เป็นเหมือนกัน เพราะตอนนั้นพ่อยังดูแลตัวเองได้ ยังช่วยเหลือครอบครัวได้ พ่อก็ทำหน้าที่เต็มที่เลย ขับรถไปไหนมาไหนตลอด
ช่วงเวลาที่คุณพ่อนอนติดเตียง เราก็ช่วยคุณแม่ดูแลคุณพ่อด้วย ณ ตอนนั้นเพชรต้องรับผิดชอบอะไรเกินวัย รู้สึกยังไงบ้าง ?
เพชร : ครอบครัวผมเป็นอะไรที่ชินมากๆ กับการที่เห็นพ่อป่วย เลยไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องสู้ เพราะว่าเราอยู่ด้วยความเคยชินมากๆ เราเลยรู้สึกว่าไม่ได้ลำบาก
แล้วตอนนั้นคุณแม่เป็นยังไง ?
เพชร : คุณแม่ก็ดูแลคุณพ่อเต็มที่เหมือนกัน
คุณหมอได้บอกไหมโรคพาร์กินสันที่คุณพ่อเป็นมันเกิดจากอะไร ?
เพชร : ก็มีทั้งความเครียดแล้วก็กรรมพันธุ์ประมาณ 5%
คุณพ่อจากไปกะทันหัน ทำให้เราเสียศูนย์เลย ?
เพชร : ผมกับแม่คุยกันเรื่องวันที่คุณพ่อไม้อยู่ เราจะทำยังไง แล้วก็เราก็ทำใจได้เพราะว่าถ้าเขาไม่อยู่เขาอาจจะทรมานน้อยกว่าตอนที่เขาอยู่ แต่พอเขาไม่อยู่แล้ว เรารู้สึกว่ามันไวไปหรือเปล่า แต่ตัวผมเอง ผมไม่ได้คุยอะไรกับเขาก่อนที่เขาจะไป มันเป็นอะไรที่เราตั้งตัวไม่ทัน เพราะมันกะทันหันมาก
ความจำสุดท้ายที่คิดว่าคุณพ่อน่าจะจำเพชรได้ เพชรคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องอะไร ?
เพชร : น่าจะเป็นเรื่องรักไม่ลืมที่เพชรทำกับช่อง วันนี่แหละครับ เรื่องนั้นผมยังนั่งคุยกับพ่อ ยังชวนเขาดูได้ปกติ
เพชรมีเรื่องอะไรในใจไหม ที่รู้สึกว่ามันค้างคาที่เกิดขึ้นกับเราและพ่อ ?
เพชร : มันมีหลายอย่างมาก รวมๆ แล้วมันคือโมเมนต์ของพ่อลูก ที่เราเป็นแบบแมนๆ ด้วยกัน ปมกับพ่อมีอะไรที่ใกล้เคียงกัน นิสัย ไลฟ์สไตล์ เราก็มีความฝันที่จะไปดูฟุตบอลที่อังกฤษด้วยกัน มีหลายอย่างมาก
แล้วถ้าวันนี้คุณพ่อรับรู้ ได้ฟัง เพชรอยากบอกอะไรกับท่าน ?
เพชร : ไม่ต้องห่วงคนที่อยู่ตรงนี้ ทั้งผม พี่สาว แม่ เพราะว่าถ้าพ่อโอเค พ่อไปสบายแล้ว เราก็มีความสุขกับเขา แล้วเราก็เหมือนได้เริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง แต่เราแค่อยู่กันคนละที่แค่นั้นเองครับ
ณ ตอนนี้เพชรเป็นตัวแทนของคุณพ่อดูแลครอบครัว ดูแลยังไงบ้าง ?
เพชร : ก็ดูแลเท่าที่เราจะทำได้ หลักๆ ก็มีคุณแม่แหละครับ ผมก็เหลือแค่เขาคนเดียว คุณแม่ก็ยังทำงานของเขาปกติ ถ้าเรามีโอกาส มีอะไรมากๆ ขึ้น เราก็อยากพาแม่เที่ยว เพราะว่าตอนคุณพ่ออยู่เราไม่มีโอกาสได้เที่ยวด้วยกันเลย เราก็เข้าออกโรงพยาบาลเป็นอย่างนั้นมากกว่า ก็เริ่มคุยกับแม่ว่ามีโอกาสเพชรจะพาแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นนะ ไปนู่นไปนี่กัน
เป็นหนุ่มเจ้าชู้ไหม ?
เพชร : ถ้าถามผม ผมก็ยอมรับเลยว่าผมเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมเจ้าชู้แบบไหน ถ้าใครมาถามผม ผมก็ออกตัวไว้ก่อนว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เพราะเราก็ไม่กล้าพูดว่าเราเป็นคนดีขนาดนั้น
พอเห็นละจีบไหม ?
เพชร : ไม่ถึงขั้นที่เข้าไปจีบเลย ถ้าผมจะเริ่มคุยกับใคร ก็จะเริ่มคุยกันปกติก่อน
เราคุยทีละกี่คน ?
เพชร : ถ้าไม่มีแฟนก็คุยได้เรื่อยๆ
ช่วงที่โสดคุยเยอะสุดกี่คน แบบมีแนวโน้มที่จะจีบ ?
เพชร : ถ้ามีแนวโน้มเราก็จะเลือกแค่คนเดียวครับ ที่เหลือก็คุยปกติ คุยเฉยๆ เลยครับ
เทคนิคเวลาจีบสาวยังไง เป็นสายหยอดหรือว่าสายนิ่งๆ ?
เพชร : นิ่งๆ ดีกว่าครับ ก็ชวนไปดูหนัง ไปกินข้าวปกติครับ
มีสเปกไหม แพ้ทางผู้หญิงแบบไหน ?
เพชร : ชอบผู้หญิงแก่กว่าสัก 5 ปีแล้วกันครับ คือผมเป็นคนขี้รำคาญ ชอบอยู่เงียบๆ ก็เลยแบบชอบผู้หญิงที่คุยกันรู้เรื่อง คำ สองคำ เก็ทอะไรแบบนี้
แล้วตอนนี้มีคนเข้าใจเราหรือยัง ?
เพชร : ก็มีคุยๆ อยู่ครับ กับคนนี้เริ่มต้นจากที่เราไม่มีใครอยู่แล้ว แล้วเราก็อยู่ในจุดที่เพิ่งผ่านเรื่องคุณพ่อมา แล้วเราก็ไม่มีใคร แล้วเรายังมีเขาอยู่คนนึง
แล้วเราคิดว่าเราหยุดเจ้าชู้หรือยัง ?
เพชร : ก็หยุดได้นะครับ
อะไรที่เขามัดใจเรา ?
เพชร : ความน่ารักของเขามั้งครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เรารู้จักกันนานมาก มันก็เริ่มจากการเป็นเพื่อนนี่แหละครับ
ความรักครั้งนี้เพชรปิดหรือคนรู้แล้วว่าเพชรคุยกับคนนี้อยู่ ?
เพชร : มันไม่ถึงขั้นกับปิดหรอกครับ ถือว่ามันเป็นเคล็ดระหว่างเราสองคนแล้วกันครับ ไม่ได้บอกใคร นอกจากเพื่อนสนิท คนนี้อายุเยอะกว่าผม 2 ปีครับ คุยกันมาหลายปีแล้ว คุยจนเราสนิทใจทุกอย่าง ทางบ้านเราสองคนก็รับรู้แล้ว แล้วก็มีความสุข มันอยู่ตรงนี้มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราก็ไม่อยากไปปรับ เปลี่ยน หรือเพิ่มตรงไหน เราก็ไม่ได้อยากมีปัญหาเพิ่มเติม
เพชรเข้ามาทำงานในช่องกี่ปีแล้ว เห็นบอกว่ามีละครเล่นเยอะที่สุด ?
เพชร : ไม่ขนาดนั้น ประมาณ 3 ปี มีละครกับช่องวันประมาณ 5-6 เรื่องครับ
เพชรเห็นผีบ่อย ?
เพชร : ช่วงนี้บ่อยครับ
ทำไมเราถึงเห็นผี ทั้งที่เป็นเด็กรุ่นใหม่มากเลย ?
เพชร : ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันไปเปิดเซ้นส์ตรงนี้เมื่อไหร่ หรือเพราะเราใกล้เบญจเพศแล้วหรือเปล่า ผมก็เคยถามแม่ เพราะเราเห็นอะไรไปหมดเลย
ล่าสุดเห็นอะไร ?
เพชร : ล่าสุดเหมือนโดนผีอำที่คอนโด เป็นผู้หญิงแบบขึ้นมานั่งบนเตียงอยู่ข้างๆ เรา ผมขยับตัวลืมตาไม่ได้ แต่เราได้ยินเสียงเขาคุยกัน หัวเราะกัน คือเขามาคนเดียว แต่เขาคุยกับใครก็ไม่รู้ แล้วพอเราลืมตาได้ก็เห็นเขานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเรา ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวครับ ถ้ากลัวก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหนแล้ว อันนี้เป็นครั้วที่สองที่โดนอำ ครั้งแรกจะเป็นอารมณ์แบบหายใจไม่ออกเฉยๆ
ได้ทำบุญให้เขาไหม ?
เพชร : ยังครับ แต่เราก็บอกกับเขาว่าถ้าจะเอาอะไร หรือให้ทำอะไรก็บอกกันดีๆ ไม่ใช่มาทำแบบนี้ ถ้ามาทำแบบนี้เราก็จะไม่ทำให้
คลิปสัมภาษณ์ เพชร โบราณินทร์