"โรม" ชวนร่วมแสดงความเห็นร่าง ก.ม.เอาผิดเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรกำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ว่าด้วยการเอาผิดเจ้าพนักงานยุติธรรมในฐานบิดเบือนกฎหมาย ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล โดยการรับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นขั้นตอนตาม มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ ก่อนบรรจุเป็นวาระพิจารณาในสภาต่อไป ทุกท่านสามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ได้ที่ เว็บไซต์ของรัฐสภา https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=147 ร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็น 1 ใน ชุดกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน ที่พรรคก้าวไกลเสนอไปพร้อมกัน 5 ฉบับ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็อยู่ในชุดกฎหมายนี้ แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากประธานสภาให้เข้าสู่ขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างกฎหมายฉบับนี้ อยากให้มีการแสดงความเห็นเข้ามาให้มากที่สุดเพื่อสนับสนุนการแก้ไข เพราะเมื่อร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว ความคิดเห็นทั้งหมดจะเป็นอีกพลังหนึ่งในการยืนยันต่อ ส.ส.ทั้งหมดในสภาว่า ประชาชนจำนวนมากต้องการทวงคืนกระบวนการยุติธรรมจากบรรดาผู้มีอำนาจที่ใช้กฎหมายห้ำหั่นผู้เห็นต่างทางการเมือง ไม่มีเหตุผลใดที่สภาจะปฏิเสธการแก้ไขกฎหมายที่มีแรงสนับสนุนท่วมท้นจากประชาชน ถึงเวลาแล้วที่บรรดาเจ้าพนักงานผู้ใช้กฎหมายจะต้องมีบทลงโทษเพื่อไม่ให้ใช้ดุลพินิจอย่างไร้ความรับผิดชอบ แต่ต้องตระหนักและรู้จักยับยั้งชั่งใจก่อนจะใช้อำนาจหน้าที่หรือคำสั่งใดๆเพื่อผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยสรุปคือ การเพิ่มฐานความผิดเข้าไปในประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ ความผิดฐานบิดเบือนกฎหมายของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็น พนักงานสอบสวน ตำรวจ อัยการ รวมถึงศาลด้วย หากมีการใช้อำนาจหน้าที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จะมีความผิด โดยเพิ่มมาตรา 200/1 ในวรรคหนึ่ง “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน กระทำการบิดเบือนกฎหมายในการสอบสวนและการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ด้วยการทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี หรือกระทำความเห็นทางคดีอย่างอื่นอันจะมีผลกระทบต่อการสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี”
ส่วนในวรรคสอง กำหนดฐานความผิดจากการบิดเบือนกฎหมายของผู้พิพากษาและตุลาการ ความว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ กระทำการบิดเบือนกฎหมายในการพิจารณาคดี การทำคำสั่งรับหรือไม่รับฟ้อง การทำคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี หรือการทำคำสั่งคำร้องหรือคำขออื่นใด เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี”