สบส. เปิดผลสำรวจนักเรียนล้อมวงกินอาหารร้อยละ 87.9

2021-11-08 12:31:36

สบส. เปิดผลสำรวจนักเรียนล้อมวงกินอาหารร้อยละ 87.9

Advertisement

สบส. เปิดผลสำรวจพบกลุ่มนักเรียนล้อมวงกินอาหารร้อยละ 87.9 เสี่ยงติดและกระจายเชื้อโควิด -19

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)  กล่าวว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในปัจจุบัน มีมาตรการในการผ่อนคลายให้ประชาชนได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น อย่างไรก็พฤติกรรมด้านสุขภาพในการป้องกัน และความรู้ด้านสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญในการให้ประชาชนมีความรู้และพฤติกรรมที่ดีในการป้องกันโรคโควิด 19 โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสุขศึกษา ได้ดำเนินการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ เรื่อง ความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 21 ก.ค. – 31 ส.ค. 2564 ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ในการเผยแพร่เครื่องมือจากเครือข่ายของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยทำการสำรวจในกลุ่มนักเรียนทั่วประเทศจำนวน 56,267 คน

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่านักเรียนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด 19 ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ สำหรับสถานการณ์พฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 พบว่า ผู้ตอบแบบเฝ้าระวังมีพฤติกรรมในการป้องกันโรคโควิด 19 ที่ควรปรับปรุง คือ เรื่อง พฤติกรรมการล้อมวงรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว ปฏิบัติเป็นประจำ/ปฏิบัติบางครั้งสูงถึง ร้อยละ 87.9 จากผลการสำรวจดังกล่าว จึงมีข้อแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายและติดเชื้อโควิด 19 จากการรับประทานอาหาร คือ ควรเว้นระยะห่างในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้ภาชนะร่วมกันในการรับประทานอาหาร ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร รับประทานอาหารสุกใหม่ และแยกสำรับเฉพาะแต่ละคน ทั้งนี้ กองสุขศึกษา ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1-12 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย มีแนวทางในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนกลุ่มวัยเรียน เลี่ยงพฤติกรรมการรวมกลุ่ม การรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อน คนในครอบครัว ในระยะการระบาดของโรคโควิด 19 ที่รุนแรง และให้ตระหนักถึงการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ต่อไป