"ไทยสร้างไทย" จ่อเสนอกฎหมายส่งเสริม พัฒนาอาชีพการประกอบธุรกิจโรงแรมต่อนายกรัฐมนตรีต้นเดือน พ.ย.นี้ หลังผู้ประกอบการโรงแรมจำนวนมากถูกสั่งปิดเหตุสิ้นสุดการผ่อนผันตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6/2562
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วย ดร.โภคิน พลกุล และตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรม และการท่องเที่ยว จัดแถลงข่าวกรณีการแก้ปัญหาผู้ประกอบการโรงแรม จำนวนมากโดยเฉพาะขนาดเล็กถูกสั่งปิด จากการสิ้นสุดการผ่อนผันผู้ประกอบการโรงแรมตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบผู้ประกอบการทั่วประเทศ พบว่ามีกฎหมายเกี่ยวกับโรงแรมยัง มีลักษณะเป็น แบบเดียวแม้แต่แยกย่อยไปบ้าง ซึ่งในหลายประเทศจะมีการแยกประเภทของโรงแรม ให้เหมาะสมกับสภาพที่เป็นจริง ทั้งพื้นที่ลักษณะของอาคารและสภาพแวดล้อมอื่นๆ จึงส่งผลให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็ก เราจะเปิดประเทศได้อย่างไร เมื่อโรงแรมขนาดเล็ก เปิดได้เพียง 10% ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ มีการทับซ้อนเช่น โรงแรมขนาดเล็กจำนวนมาก เปิดก่อนจะมีการประกาศเป็นเขตอุทยาน แต่ขณะนี้กลับกลายเป็นผู้บุกรุก การเปิดโรงแรมขนาดเล็กจะทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือก บางแห่งอยู่ในเมือง อยู่ในชุมชน ทำให้นักท่องเที่ยวไดัเห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทย นี่คือองค์ประกอบสำคัญในการท่องเที่ยว
ด้าน ดร.โภคิน กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐราชการปรับตัวไม่ทัน อีกทั้งเครื่องยนต์เศรษฐกิจทั้ง 4 ตัวดับสนิท โดยเฉพาะรายได้ภาคการท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยยกตัวอย่างรายได้จังหวัดภูเก็ต ที่ โรงแรมขนาดใหญ่มีรายได้ 54% แต่มีผู้ได้รับประโยชน์เพียง 10,000 ราย แต่รายได้ 46% จากผู้ประกอบการรายเล็ก กลับ เกี่ยวข้องกับคนถึง 400,000 คน ที่ผ่านมากฎหมายเกี่ยวกับกิจการโรงแรม มีความเกี่ยวข้องกันหลายฉบับ อาทิ กฎหมายผังเมือง กฎหมายสิ่งแวดล้อม และกฎหมายควบคุมอาคาร จนกระทั่งมีคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 ยกเว้นความผิดและโทษให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่ผิดกฏหมาย เพื่อให้เข้าสู่ระบบได้ถูกต้อง จนถึงวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีโรงแรมทั้งสิ้นราว 70,000 ทั่วประเทศ แต่ได้รับใบอนุญาต เพียงประมาณ 17,000 แห่งเท่านั้น จึงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถเปิดกิจการได้ ดังนั้นทางออกเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดกิจการได้ คือต้องแขวน ความผิดและโทษเหมือนกับคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 และต้องตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย คือ ผู้ออกกฎหมาย ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ เพื่อสร้างกฎเกณฑ์ ที่เหมาะสมภายใน 2 ปี ให้ธุรกิจโรงแรมเกือบทั้งหมดสามารถได้รับอนุญาตตามสภาพที่เหมาะสม ทั้งในแง่ขนาดสภาพพื้นที่และอื่นๆได้เป็นลักษณะการทำ sandbox ในทางกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาความล้าหลังของกฎหมายที่เป็นอยู่ และดุลยพินิจแบบอนุรักษ์นิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่สันนิษฐานว่า ประชาชนผู้ประกอบการจะทำผิดกฎหมาย จึงสร้าง ทั้งเนื้อหา ขั้นตอน กระบวนการที่ยุ่งยากเต็มไปหมด ทำให้คนตัวเล็กทำมาหากินด้วยความยากลำบาก
นายโภคิน กล่าวต่อว่า รัฐบาลจึงต้องเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด(mind set) ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียใหม่ว่า “เป็นหุ้นส่วนกับประชาชน” และสันนิษฐานว่าเขาต้องทำมาหากินโดยสุจริต และยังยืน ถ้าปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์และmindset ได้ ประชาชนไทยจะปลดปล่อยพลังในการทำมาหากินและสร้างสรรค์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะนี้ พรรคไทยสร้างไทย เตรียมยื่นเสนอร่างพระราชกำหนดการส่งเสริม และพัฒนาอาชีพการประกอบธุรกิจโรงแรม แก่นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาทางออกดังกล่าว โดยจะมีผู้ประกอบการจากทั่วประเทศร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย คาดว่าจะเสนอร่างดังกล่าวในต้นเดือน พ.ย. นี้