"สัณหพจน์"หนุนท่องเที่ยววิถีใหม่ลุ่มน้ำปากพนัง

2021-10-17 10:23:10

"สัณหพจน์"หนุนท่องเที่ยววิถีใหม่ลุ่มน้ำปากพนัง

Advertisement

"สัณหพจน์"หนุนท่องเที่ยววิถีใหม่ลุ่มน้ำปากพนัง เชื่อมโยงอันดามันสู่อ่าวไทย

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15-16 ต.ค.64 ที่ผ่านมา สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดการอบรมเตรียมพร้อมบุคลากรด้านการท่องเที่ยว สู่มาตรฐานท่องเที่ยวชุมชน ในหลักสูตรอบรมแนวทางขออนุญาติประกอบธุรกิจ(เรือนำเที่ยว) พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จำนวนวันละ 50 คน รวม 2 วัน 100 คน จากการจัดอบรมดังกล่าว เป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดจังหวัดท่องเที่ยว ในวันที่ 1 ธ.ค.64 ที่จะถึงนี้ ภายหลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “การท่องเที่ยววิถีใหม่” เพื่อสร้างมาตรฐานและมาตรการความปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกัน ตนหวังที่จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัด 13 อำเภอตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังในพระราชดำริ โดยมี อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.ชะอวด อ.ร่อนพิบูลย์ อ.จุฬาภรณ์ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พระพรหม อ.ลานสกา และอ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และ 2 อำเภอ จ.พัทลุง คือ อ.ควนขนุน และอ.ป่าพยอม รวมทั้ง 1 อำเภอ จ.สงขลา คือ อ.ระโนด ครอบคลุมจำนวนประชากรประมาณ 600,000-700,000 คน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจน ขาดการส่งเสริมแบบต่อเนื่อง เหตุเพราะยังขาดการบูรณาการระหว่างภาครัฐ-เอกชนอย่างจริงจัง รวมทั้งเส้นทางการคมนาคมที่จะใช้เชื่อมโยงซึ่งยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ดร.สัณหพจน์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นตนจึงเสนอแผนการศึกษาการสร้างสะพานเชื่อมอ่าวปากพนัง ระหว่าง อ.เมือง และอ.ปากพนัง ที่บริเวณแหลมตะลุมพุก พร้อมทั้งปรับปรุงและขยายถนนเลียบชายฝั่งทะเล ตามโครงการ “ไทยแลนด์ ริเวียร์ร่า” เชื่อมต่อตั้งแต่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง สู่อ.ปากพนัง เพื่อทำให้การคมนาคมสะดวก และปลอดภัย ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในวาระลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64 ที่ผ่านมา เพื่อหวังให้เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สงขลา รวมไปถึงการเชื่อมโยงฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน สร้างเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ช่วยให้เศรษฐกิจภายในท้องถิ่นหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น


“ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ต่างรู้จักชื่อของ “แหลมตะลุมพุก” แต่ยังไม่มีโอกาสได้มาเยือน เนื่องจากการคมนาคมที่ไม่สะดวกและปลอดภัย รวมทั้งขาดการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง การสร้างสะพานข้ามอ่าวปากพนัง มาสู่แหลมตะลุมพุก ระยะทาง 7.4 กม.งบประมาณ 4,400 ล้านบาท จึงตอบโจทย์ดังกล่าว เพื่อที่จะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างกลุ่มจังหวัด ซึ่งมีพี่น้องประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนในพื้นที่จ.นครศรีฯ จะได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว โดยเฉลี่ยจะใช้เงินเงินงบประมาณรายบุคคล ประมาณ 3,000 บาท/คน แต่สามารถสร้างมู,ค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ได้นับแสนล้าน นี่คือการสร้างความมั่นคงมั่งคั่งอย่างยั่งยืนที่แท้จริง รวมทั้งการเชื่อมโยงพื้นที่อ่าวไทย-อันดามัน ตามที่คณะอนุกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอันดามันสู่อ่าวไทย ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.เศรษฐกิจ) ได้มีการพิจารณาส่งเสริม ซึ่งเบื้องต้นได้มีการเปิดเส้นทางการบินของ ไทยสมายล์ ระหว่าง กทม.-นครศรีฯ จากการผลักดันของตนในฐานะประธานอนุกรรมาธิการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอันดามันสู่อ่าวไทยจนสำเร็จแล้ว และโดยตนมุ่งหวังว่าในอนาคตจะเกิดการเปิดเส้นทางการบิน นครศรีฯ-ภูเก็ต ซึ่งจะทำให้เกิดท่องเที่ยวจากอันดามันสู่อ่าวไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

ดร.สัณหพจน์ กล่าวอีกว่า เส้นทางการท่องเที่ยวใหม่นี้ จะเริ่มตั้งแต่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เข้าสู่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ลงเรือล่องแม่น้ำปากพนัง ชมวิถีชีวิตคน 2 ฝั่งแม่น้ำปากพนัง วัฒนธรรมประเพณี ผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารท้องถิ่น ต่อจากนั้นเดินทางไปยัง อ.หัวไทร “จิบกาแฟ กินปู ดูกังหัน” จากนั้นเดินทางสู่ อ.เชียรใหญ่ ชมวิถีชีวิตชุมชน ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ก่อนเดินต่อไปยังพื้นที่อำเภออื่นๆ ในลุ่มน้ำปากพนัง ตนหวังว่าโครงการการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถส่งเสริมให้เกิดการสร้างมาตรฐานภายใต้การท่องเที่ยวตามวิถีใหม่ ซึ่งมีมาตรฐานความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และช่วยยกระดับการท่องเที่ยวชุมชนให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างยั่งงยืน