"อนุทิน" เยี่ยมจุดฉีดวัคซีนโควิด จ.ปัตตานี เผยส่ง "วัคซีนไฟเซอร์" 1 ล้านโดสลง 4 จังหวัดชายแดนใต้ฉีดให้กับประชาชน วอนทุกคนมารับวัคซีน เพื่อกลับไปใช้ชีวิตปกติ
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.ปัตตานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข(สธ.) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง เดินทางตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ จ.ปัตตานี
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมคณะจากกระทรวงสาธารณสุขดีใจที่ได้มาเห็นการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ให้กับชาวปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จังหวัดภาคใต้ที่สถานการณ์ติดเชื้อค่อนข้างสูง นโยบายสำคัญตอนนี้ เราต้องเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้เร็วที่สุดให้ได้ สิ่งที่สำคัญต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกท่าน และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ที่ตอบสนองนโยบายของกระทรวงและรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยโดยกระทรวงสาธารณสุข จัดหาวัคซีนที่มีมาตรฐานโลก ส่งตรงมาจากประเทศผู้ผลิต ออกจากสายการผลิตของโรงงาน ก็ขึ้นเครื่องบินส่งตรงมาถึงประเทศไทย และได้รับการเก็บรักษาอย่างดี กว่าวัคซีนจะถึงแขนของประชาชนจะต้องผ่านการตรวจสอบรุ่นการผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกล็อต พร้อมมีระบบตรวจสอบคุณภาพวัคซีนย้อนหลัง
นายอนุทิน กล่าวว่า การติดเชื้อใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฉลี่ยวันละ 2,000 ราย ซึ่งผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเรามีความกังวล ต้องการจะแก้ไขให้เร็วที่สุด โดยนโยบายต้องเร่งปิดเกมวัคซีน ขณะนี้เรามีความแน่นอนเรื่องการส่งมอบวัคซีนในแต่ละสัปดาห์ ยืนยันว่าฉีดเข็มแรกแล้วจะต้องมีเข็มที่ 2 แน่นอน และด้วยศักยภาพการฉีดวัคซีนของไทย ภาพรวมเฉลี่ยวันละ 7-8 แสนโดส เราจึงต้องจัดหาและบริหารวัคซีนให้มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด วันนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจพวกท่าน แต่กลายเป็นว่าได้กำลังใจจากทุกท่านกลับไป ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเท เสียสละเพื่อประชาชน และนโยบายที่เกิดขึ้นคือภายในเดือน ต.ค. จะต้องปิดเกมวัคซีนใน 4 จังหวัดภาคใต้ ฉีดให้ได้ 70% เพื่อให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มประชากรในภาคใต้ โดยเฉพาะ 4 จังหวัดที่มีการระบาดสูงอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1 ล้านโดสลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อฉีดให้กับประชาชน โดยเฉพาะนักเรียนอายุ 12-18 ปี ลูกๆ หลานๆ จะได้เปิดเรียน วันนี้มาเยี่ยมจุดบริการวัคซีน ก็ถามนักเรียนที่มาฉีดวันนี้ ก็ได้คำตอบว่า เด็กๆ อยากไปเรียนที่โรงเรียน ดังนั้น ขอให้ทุกคนมารับวัคซีน เพื่อให้เรากลับไปใช้ชีวิตอย่างมีปกติได้
"เมื่อกี้ผมได้เข้าไปให้กำลังใจน้องนักเรียนผู้หญิง อายุ 12 ปี ที่กำลังจะรับการฉีดวัคซีน ต้องขอชื่นชมน้องมากๆ ที่มาร่วมกันควบคุมโรค ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ รวมถึงฝากขอบคุณผู้ปกครองที่ให้น้องเข้ามารับวัคซีน จึงขอให้น้องเขาเป็นตัวแทนการรับวัคซีนในเด็กอายุ 12 ปีเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองคนอื่นๆ โดยเราจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนเข้าใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพป้องกันโรค แต่ก็ยังขอให้ทุกคนยึดหลักการป้องกันตัวเองอย่างสูงสุด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ" นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามต่อว่าจะมีการล็อกดาวน์พื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มาตการล็อกดาวน์พื้นที่ เป็นดุลยพินิจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.) เป็นเลขานุการฯ รวมถึงเราต้องดูปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น อัตราการติดเชื้อ จำนวนผู้ป่วยหนัก ซึ่งหากเราได้รับวัคซีนก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคเมื่อติดเชื้อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดฉีดวัคซีนมหาวิทยาลัยสงขลานครรินทร์ ปัตตานีเป็นศูนย์ฉีดขนาดใหญ่ มีความสามารถในการฉีด 5,000-6,000 คนต่อวัน ในวันนี้มีการนัดหมายฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 สำหรับประชาชนทั่วไป 300 โดส แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 จำนวน 1,600 โดส และวัคซีนไฟเซอร์สำหรับนักเรียนอายุ 12-18 ปี ประมาณ 1,600-2,000 โดส โดยศูนย์ฉีดวัคซีนนี้จะฉีดให้กับผู้ที่จองและลงทะเบียนล่วงหน้า รวมถึงนัดหมายในรูปแบบองค์กร เป็นหมู่บ้าน/ชุมชน ซึ่งผู้นำชุมชนได้ส่งรายชื่อเข้ารับบริการ โดย นายอนุทิน เดินตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนตั้งแต่จุดลงทะเบียน จนถึงห้องสังเกตอาการหลังฉีด พร้อมได้เข้าไปให้กำลังใจนักเรียนที่มารับวัคซีนไฟเซอร์ และพบปะกล่าวมอบกำลังใจให้กับบุคลากรสาธารณสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้น นายอนุทิน เดินทางต่อไปที่ ท่าเทียบเรือปัตตานี อ.เมือง ปัตตานี เพื่อพบปะกับ อสม. ก่อนจะเดินทางต่อไปที่ จ.นราธิวาส