การออกกำลังกายในผู้ป่วยมะเร็ง

2021-10-15 10:32:25

การออกกำลังกายในผู้ป่วยมะเร็ง

Advertisement

การออกกำลังกายในผู้ป่วยมะเร็ง

การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคมะเร็งมีความสำคัญอย่างไร

จากการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีโอกาสเสียชีวิตลดลง 30-42% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้ออกกำลัง การออกกำลังกายในช่วงก่อนการรักษา ระหว่างการรักษา และหลังการรักษาโรคมะเร็ง มีความปลอดภัยและมีประโยชน์ เนื่องจากช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มพลังในการทำกิจวัตรประจำวัน และช่วยให้ปรับตัวกับผลข้างเคียงของการรักษา ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า อาการอ่อนเพลีย นอกจากนี้ การออกกำลังกายช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูก และทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น

การออกกำลังกายลักษณะใดที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยโรงมะเร็ง

คำแนะนำจาก American Cancer Society (ACS) เกี่ยวกับการออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีดังนี้

-พยายามไม่อยู่เฉย ๆ กลับมาใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงปกติให้เร็วที่สุด หลังจากการวินิจฉัยและการรักษามะเร็ง

-พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ

-เริ่มต้นช้า ๆ และพยายามออกกำลังกายมากขึ้นเรื่อย ๆ

-ในแต่ละสัปดาห์ ควรออกกำลังกายปานกลางอย่างน้อย 150 นาที หรือออกกำลังกายอย่างหนักอย่างน้อย 75 นาที

-พยายามออกกำลังกายติดต่อกันอย่างน้อย 10 นาที เป็นจำนวนหลายครั้งต่อสัปดาห์

-ควรจะออกกำลังกายแบบ resistance training และ stretching อย่างน้อยอย่างละ 2 วันต่อสัปดาห์

การออกกำลังกายสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งได้หรือไม่

มีข้อมูลจากหลายการศึกษา พบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย โรคมะเร็งที่พบได้น้อยลงในผู้ที่ออกกำลังกาย ได้แก่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งไต มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร

เหตุผลหนึ่งที่ทำไมการออกกำลังกายลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง คือ การออกกำลังกายช่วยให้น้ำหนักลด ป้องกันการอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง

ออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคมะเร็งอย่างไรดี

การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อให้มีประสิทธิภาพ โปรแกรมการออกกำลังกาย ในช่วงระหว่างการรักษา และหลังการรักษา จึงมีหลายรูปแบบ ดังนี้

-การฝึกหายใจ (Breathing exercise) ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนมีอาการหายใจไม่สะดวก การฝึกหายใจจะช่วยให้การหายใจเข้า-ออก ดีขึ้น และยังช่วยลดความเครียด ความกังวล

-Stretching การทำ stretching เป็นประจำ ทำให้เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยพัฒนาบุคลิก เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อ เหมาะสมกับผู้ป่วยที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการรักษามะเร็ง เช่น หลังการฉายแสง อาจมีการเคลื่อนไหวของข้อจำกัดเพราะกล้ามเนื้อดึงรั้ง หรือหลังผ่าตัดอาจมีแผลเป็นดึงรั้ง

-การฝึกความสมดุล (Balance exercise) โรคมะเร็งหรือการรักษามะเร็งอาจทำให้ความสามารถในการทรงตัวลดลง การฝึก Balance exercise ช่วยให้สามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ และป้องกันการหกล้มได้

-Aerobic exercise หรือที่เรียกกันว่า Cardio เป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ที่หวังผลเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหัวใจและปอด ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายลดลง เช่น การเดินความเร็วปานกลาง ครั้งละ 30-40 นาที 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ การวิ่ง 75 นาทีต่อสัปดาห์ เป็นต้น

-Strength training ในระหว่างการรักษามะเร็ง กล้ามเนื้อมักจะลีบลง เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมาก โรคมะเร็งหรือการรักษาอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลงได้ Streagth training หรือ resistance training ช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ทรงตัวได้ดีขึ้น ลดความอ่อนล้า และทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และยังอาจป้องกันกระดูกผุที่อาจเกิดจากการรักษามะเร็ง ผู้ป่วยมะเร็งควรทำ full body strength training 2 ครั้งต่อสัปดาห์

ข้อควรระวังในการออกกำลังกายต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การเตรียมตัวก่อน หรือหลังออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเร็งแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่

-โรคมะเร็งที่เป็น

-ชนิดของการรักษาที่ได้รับ

-ผลข้างเคียงของการรักษาที่เกิดขึ้น

-ความพร้อมของร่างกาย

-โรคประจำตัว

ข้อควรระวังในการออกกำลังกายต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง

โปรแกรมการออกกำลังกายอาจถูกปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง เช่น ถ้าการรักษาทำให้กระดูกผุได้ การออกกำลังกายต้องเลือกวิธีที่หลีกเลี่ยงการตก หกล้ม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลักการโดยรวมของการวางแผนมีดังนี้

-ค่อย ๆ เพิ่มระดับการออกกำลังกายที่ละน้อย ช้า ๆ แม้ว่าร่างกายจะมีความพร้อม แต่การเพิ่มช้า ๆ ทำให้ป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มความมั่นใจขึ้น

-ควรเลือกออกกำลังกายในสถานที่ที่ปลอดภัย ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสติดเชื้อง่าย ไม่ควรออกกำลังกายในที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก อากาศถ่ายเทไม่ดี

-ประเมินสุขภาพตนเอง ว่าสามารถออกกำลังกายได้นานหรือหนักแค่ไหนเสมอ

-อย่าขาดน้ำในระหว่างออกกำลังกาย พยายามดื่มน้ำให้เพียงพอ

-พยายามเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อให้ฟื้นตัวหลังออกกำลังกายได้เร็วขึ้น

-ควรปรึกษาแพทย์เป็นประจำ เพื่อประเมินสภาพร่างกาย และข้อควรระวังในการออกกำลังกาย

รศ.นพ.เอกภพ สิระชัยนันท์

หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็ง

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล