"ทิพานัน"แนะร้านค้ายื่นอุทธรณ์ "เราชนะ" เรียกเงินคืน

2021-10-13 18:33:04

 "ทิพานัน"แนะร้านค้ายื่นอุทธรณ์ "เราชนะ" เรียกเงินคืน

Advertisement

"ทิพานัน"แนะร้านค้าที่ถูกเรียกเงินคืนจากการผิดเงื่อนไขโครงการรัฐ รีบยื่นหลักฐานชี้แจงอุทธรณ์ได้ เตือนหยุดด้อยค่าโครงการที่ดีของรัฐทำประชาชนขาดโอกาสเข้าถึง 

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมวงสนทนาใน Twitter Space ในหัวข้อ StreetSpace โดย Street Hero "รัฐเรียกคืนเงินโครงการรัฐ และ วาระเปิดประเทศไปได้จริงหรือ ? " ซึ่งมีผู้ร่วมฟังเป็นผู้ใช้งานทวิตเตอร์ ว่ากรณีที่ผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ ถูกระงับสิทธิการใช้แอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ในการเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ ไม่ทำตามกฎระเบียบ โดยเบื้องต้นสำนักงานเศรษฐกิจการคลังส่งหนังสือเรียกคืนเงินร้านค้าจำนวน 2,099 รายว่า ได้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินโครงการมาโดยตลอดตั้งแต่เฟสแรก เนื่องจากพบพฤติกรรมที่ผิดปกติในการทำธุรกรรมจากการใช้จ่าย ซึ่งผิดไปจากวัตถุประสงค์ของโครงการรัฐเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในการลดภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นการใช้จ่ายสินค้าจำเป็นให้รายได้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ค้ารายย่อย เพื่อให้เงินลงไปถึงมือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด ดังนั้นถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องยอมรับว่ามีผู้ประกอบการบางส่วนมีพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกง ใช้โอกาสในการแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิด โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.3 ล้านมีจำนวนหนึ่งที่คิดนอกกรอบ ฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ตกลงยินยอมไว้ เช่น การสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อแลกเป็นเงินสดโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าและบริการกันจริง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่ถูกระงับสิทธิและเรียกเงินคืนนั้น ภาครัฐได้เปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริงได้ในกำหนดระยะเวลา 14 วัน ถ้ามีหลักฐานพิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่ได้กระทำความผิด ก็ไม่ต้องชำระเงินคืน แต่หากกระทำความผิดจริงก็ต้องชำระเงินคืนตามที่โครงการหรือหน่วยงานภาครัฐที่ได้แจ้งไป ทั้งนี้ภาครัฐไม่ได้มัดมือชก ว่าหากครบกำหนดแล้วไม่ได้ชี้แจงแล้วจะต้องคืนเงินอย่างเดียว แต่ยังมีช่องทางให้อุทธรณ์ได้อีกโดยสามารถอุทรณ์คำวินิจฉัยภายใน 15 วัน

ในส่วนของผู้ซื้อจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ต้องดูเรื่องของเจตนาของการกระทำความผิด ถ้าเจตนาโกงร่วมกันก็มีความผิด แต่ถ้าผู้ซื้อไม่ได้มีเจตนากระทำความผิดก็มาชี้แจงข้อเท็จจริง ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป ส่วนเรื่องการเสียภาษีนั้น วัตถุประสงค์โครงการนี้คือเพื่อเยียวยาประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เรื่องภาษีเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนอยู่แล้ว ไม่ได้ทำให้หน้าที่ของเราเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถพูดได้ว่าโครงการนี้เข้ามาเพื่อเก็บภาษี แต่เป็นการเยียวยาประชาชนและเพิ่มรายได้ให้ผู้ขาย ซึ่งรัฐบาลจะยังดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาเลือกโครงการที่แก้ไขปัญหาตรงจุดและเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์นั้นๆ ไม่ใช่เปิดประเทศแล้วจะเลิกช่วยเหลือประชาชน มีการพยายามด้อยค่าโครงการดีๆ ของภาครัฐทางโซเชียลมีเดียหลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนที่จะได้รับประโยชน์หลงเชื่อและไม่กล้าเข้าร่วมโครงการ ทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ อาจเกิดผลเสียที่คาดไม่ถึง และนำไปสู่เรื่องน่าเศร้าที่ประชาชนคิดว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ จากจุดเล็กๆ ของการเข้าใจผิดจากการด้อยค่า และบิดเบือนข้อมูลอาจนำไปสู่เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น

น.ส.ทิพานัน กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์เปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.ว่า นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวดีมากๆ เป็นนิมิตหมายอันดี ที่มาที่ไปมาจากสถานการณ์โควิดในประเทศไทยอยู่ในภาวะที่บริหารจัดการความเสี่ยงในหลายเรื่องได้ เรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนสำคัญไม่แพ้เรื่องสุขภาพ เมื่อสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นและสถานการณ์วัคซีนดีขึ้น โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมไปมากกว่า 50% แล้ว และมีศักยภาพในการฉีดวัคซีนได้เฉลี่ยกว่า 7 แสนโดสต่อวันและสามารถผลักดันให้มากขึ้นอีก ซึ่งการเปิดประเทศก็มีเงื่อนไข 3 ประการคือ ผู้ที่เดินทางเข้ามาจะต้องปลอดเชื้อโควิดโดยฉีดวัคซีนครบโดส มีผลตรวจเป็นลบทั้งจากประเทศต้นทางและเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศ ต้องเดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศ รายละเอียดและหลักเกณฑ์การขยายจำนวนประเทศ และเงื่อนไขอื่นๆ จะมีการประกาศจาก ศบค. ให้ทราบต่อไป เป็นข่าวดีมากสำหรับคนค้าขาย เพราะช่วงเวลาที่จะมาถึงในช่วงปีใหม่ เป็นช่วงเทศกาล ใครที่ทำค้าขายจะเข้าใจดี ซึ่ง ณ วันนี้สถานการณ์ดีขึ้น เราจะได้ช่วงชิงโอกาสเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว หลายประเทศที่เขามีนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายเดียวกับกลุ่มที่มาเที่ยวเมืองไทย ทยอยเปิดประเทศกันแล้ว เมื่อเรามีความพร้อมก็เป็นหนึ่งโอกาสในการช่วงชิงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทย กระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนและเพิ่มให้การจ้างงานดีขึ้นในประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องของการผ่อนปรนเปิดกิจการ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานบันเทิง และจำหน่ายแอลกอฮอลส์ในร้านอาหารในวันที่ 1 ธ.ค. นั้นจะอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุข ป้องกันไม่เกิดการแพร่ระบาด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจ สำหรับพี่น้องประชาชยคนไทยวันนี้สิ่งที่นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชนคือการป้องกันตนเองไม่ว่าจะเปิดประเทศหรือไม่เปิดประเทศ โดยเฉพาะช่วงก่อนจะถึงกำหนดวันเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน มีวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ซึ่งจะเริ่มมีการเดินทางข้ามจังหวัด ดังนั้นขอให้ระมัดระวังและป้องกันตนเองการ์ดอย่าตก