"บิ๊กตู่"ลุยเมืองคอน อ้อนชาวบ้านรักจังฮู้ เพราะคิดถึงจึงมาหา ขอทุกคนมีความรักความสามัคคีไม่เกลียดชังให้ร้ายกัน
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 7 ต.ค. ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.หาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ร่วมถวายผ้าห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ และกราบนมัสการพระเทพวินยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยนายกรัฐมนตรีขอพรให้ประชาชนและประเทศมีความสุข ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ด้วยความรักความสามัคคี
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางต่อไป ณ สะพานคลองหน้าเมือง ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจการบริหารจัดการน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งหากปริมาณฝนสะสม 2 วัน บริเวณต้นน้ำคลองท่าดี เกิน 250 มิลลิเมตร จะเกิดน้ำป่าไหลลงจากต้นน้ำมารวมกัน เกินความจุลำน้ำ ทำให้เกิดน้ำไหลล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของคลองท่าดีก่อนเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช และไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบกับอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูงดันน้ำในคลองหัวทรุด คลองท่าซัก ทำให้การระบายน้ำออกจากตัวเมืองลงสู่ทะเลมีข้อจำกัด ระบายน้ำได้ช้า ส่งผลให้น้ำไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลอง ซึ่งศักยภาพของลำน้ำ ที่ผ่านตัวเมืองนครศรีธรรมราช รับปริมาณน้ำในอัตราการไหลได้ไม่เกิน 268 ลบ.ม./วินาที จากสถิติปี 2563 ผ่านมาพบว่า มีปริมาณน้ำไหลผ่านคลองท่าดีเฉลี่ยในปริมาณที่มากกว่า 500 ลบ.ม./วินาที (ศักยภาพท้ายฝายท่าดี 750 ลบ.ม./วินาที) เกินศักยภาพของคลองที่จะรับได้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราชเป็นประจำเกือบทุกปี
นายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งเรื่องการระบายน้ำหากเกิดน้ำท่วมขัง เพื่อลดความเดือดร้อน ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการดำเนินการแก้ไขปัญหา รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการทั้งเรื่องเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาในภาพรวม พร้อมย้ำถึงการดูแลรักษาคลองอย่าให้ตื้นเขิน กำจัดวัชพืชเพื่อเปิดทางน้ำไหล หน่วยงานราชการส่วนจังหวัดและส่วนท้องถิ่นจะต้องวางแผนเตรียมการพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอดเวลา
ทั้งนี้ บริเวณโดยรอบ มีประชาชนมาชูป้ายให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีบอกให้สู้ ๆ ทำงานเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติต่อไป นายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายพร้อมกล่าวขอบคุณกำลังใจจากประชาชน ขอให้ร่วมมือกับรัฐบาลแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง ปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาที่สำคัญ แต่น้ำใจของทุกคนสำคัญที่สุด
ต่อมาเวลา 14.10 น. ณ บริเวณถนนพุทธภูมิ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช นายกรัฐมนตรีได้ตรวจแผนการป้องกันอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายธนกร กล่าวว่า ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อเตรียมแผนรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่ภาคใต้ โดยศักยภาพทางภูมิศาสตร์ภาคใต้จะประสบปัญหาน้ำท่วมช้ากว่าพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย ที่ผ่านมารัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้วบางส่วน จึงขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลข่าวสารการแจ้งเตือนจากส่วนราชการ พร้อมวางแผนจัดอันดับความสำคัญในการเคลื่อนย้ายสิ่งของหากมวลน้ำไหลมามากจนประสบปัญหาน้ำท่วม เพื่อลดความสูญเสียของทรัพย์สิน รวมถึงเตรียมอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่ทางส่วนราชการเตรียมไว้ ในส่วนของการเยียวยา นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ส่วนราชการเร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง ประเทศไทยประสบปัญหาในหลาย ๆ ด้านแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ฝากให้ส่วนราชการ ส.ส.ในพื้นที่ดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด
“วันนี้นายกฯ รัฐบาลและ ส.ส.ผู้แทนของท่านได้ส่งข้อมูลขึ้นมาว่า ประชาชนเดือดร้อนอะไร เราจะดูแลให้ ขณะเดียวกันวันนี้ต้องเตรียมการเรื่องโควิด ย้ำว่ายังต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ ผมห่วงตัวเองเป็นแล้วไปติดคนอื่น เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับทุกคนให้มากขึ้น แต่ใจถึงใจอยู่แล้ว คนเมืองคอนรู้ว่าเรารักกันอยู่แล้ว คนใต้รักใครรักจริง อยากจะบอกว่าท้ายที่สุดนี้ไม่มีอะไร เราต้องอยู่ด้วยความรักความสามัคคี อย่าให้ใครมาบ่อนทำลาย สังคมต้องอยู่ด้วยกัน พ่อแม่พี่น้อง พี่ป้าน้าอา ใครจะมาทำลายไม่ได้ นี่คือสันหลังของประเทศไทย สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งของประเทศ เราต้องมีความรักความสามัคคีไม่เกลียดชังให้ร้ายกันและฟังในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อยากบอกว่ารักจังฮู้ เพราะคิดถึงจึงมาหา และมาดูแลเตรียมความพร้อมเครื่องป้องกันน้ำท่วม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯ พูดจบได้มีชาวบ้านตะโกนว่า รักลุงตู่ นายกฯ จึงกล่าวตอบว่า ผมรักมากกว่าท่าน ผมต้องรักคนทั้ง 70 ล้านนั่นคือสิ่งที่นายกฯ จะทำให้ได้ โลกมันเปลี่ยน เราต้องปรับตัวเราเองและวันนี้ไม่ใช่รักลุงตู่คนเดียว ต้องรักทุกคนด้วย ประเทศไทยต้องอยู่ด้วยความรักกันแล้วไปได้หมด